インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き › 2015年10月

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2015年10月30日

来年の年賀状のはがきを売り始める ไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่

เผลอแปล๊บเดียวปี 2015 ก็จะผ่านไปแล้วนะคะ เพื่อนๆ เตรียมตัวต้อนรับปีใหม่ ปี 2016 กันแล้วหรือยังคะ สำหรับญี่ปุ่นเขาเตรียมตัวกันแล้วนะคะ

ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนดีกว่า คำว่า ปีใหม่ ในภาษาญี่ปุ่นคือ 正月:しょうがつ อ่านว่า “โชกะซึ” โดยทั่วไปเวลาเรียกคำว่าปีใหม่มักจะเติมคำว่า お“โอะ” นำหน้าเพื่อแสดงความสุภาพเสมอ เป็น お正月 (Oshogatsu)

ซึ่งคนญี่ปุ่นจะนิยมส่งไปรษณียบัตรส่งความสุขในช่วงปีใหม่ที่เรียกเป็นว่า 年賀状:ねんがじょう อ่านว่า “Nengajou” หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  年賀はがき : ねんがはがき อ่านว่า " Nengahagaki" ซึ่งคำว่า はがき แปลว่าไปรษณียบัตร

「年賀状」(Nengajoo) ไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่



ด้านล่างนี้เป็นไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ 2016 ต้อนรับปีวอก




การจัดส่งไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ในช่วงปีใหม่จะจัดทำกันแทบจะทุกครอบครัว จนกลายเป็นประเพณีและเป็นกิจกรรมเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเริ่มเตรียมการตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ดังนั้นการส่งไปรษณียบัตรควรส่งบัตรอวยพรปีใหม่ตั้งแต่ภายในวันที่ 15-25 ธันวาคม โดยบุรุษไปรษณีย์จะแยกไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ไว้ที่ช่องพิเศษ เพื่อให้ถึงมือผู้รับภายในวันที่ 1-7 มกราคม แต่ไม่ควรส่งล่าช้าเกินวันที่ 7 มกราคม เพราะจะกลายเป็นการ์ดอวยพรต้อนรับหน้าหนาวของคนญี่ปุ่น

โดยปกติถ้าเป็นไปรษณียบัตรที่ขายสำหรับการส่งเป็นบัตรอวยพรปีใหม่โดยเฉพาะนั้น จะมีการเขียนคำว่า 年賀 : ねんが อยู่ข้างหน้า แต่ถ้าเป็นการส่งโดยใช้การ์ดอื่นๆ หรือเป็นจดหมาย จะต้องเขียนที่หน้าซองด้วยคำว่า 年賀 เพื่อที่ทางไปรษณีย์จะได้จัดส่งให้ตรงกับวันที่ 1 พอดี

เวลาเขียนไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ต้องมีคำว่า “年賀 ปีใหม่” (ตัวสีแดง) หรือติดแสตมป์ปีใหม่ไว้ด้านบน



โดยช่วงนี้ที่ตู้ไปรษณีย์จะมีช่องด่วนพิเศษสำหรับส่งไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่โดยเฉพาะ บุรุษไปรษณีย์จะรวบรวมเก็บไว้เพื่อส่งตอนปีใหม่(วันที่ 1 มกราคม) ระมัดระวังเรื่องการซื้อไปรษณียบัตรถ้าไม่ระบุว่า “ปีใหม่” อาจจะทำให้ถูกส่งเป็นแบบลงทะเบียนธรรมดาแทน



「表面 (おもてめん) ด้านหน้าของไปรษณียบัตร」



การกล่าวคำอวยพรปีใหม่ ตัวอย่างเช่น

あけましておめでとうございます。
Akemashite omedetou gozaimasu.
แปลว่า สุขสันต์วันปีใหม่ (แบบสุภาพ)

しんねんおめでとうございます
Shinnen omedetou gozaimasu.
แปลว่า สุขสันต์วันปีใหม่

บัตรอวยพรทุกใบจะมีหมายเลขของสลากกำกับอยู่ด้านล่าง เพื่อให้ผู้ที่ได้รับบัตรอวยพร ตรวจชิงรางวัลของกรมไปรษณีย์ ประมาณในวันที่ 15 มกราคม (ดูกำหนดวันประกาศของกรมไปรษณีย์อีกครั้ง) จะมีการจับสลากเลขหมาย และประกาศหมายเลขของผู้โชคดีที่จะได้รับรางวัล ทางทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ผู้ที่โชคดีจะนำบัตรอวยพรไปของรับรางวัลได้ที่ ที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้านของตน บัตรอวยพรชิงรางวัลนี้...เริ่มจัดทำมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1949

รูปแบบด้านหน้าของบัตรอวยพร (รูปของปีกุน)


ตัวอย่างการจับรางวัล จะมีการประกาศเลขหมายของผู้โชคดีมีดังนี้



โดยในปีนี้ ไปรษณีย์แห่งประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มวางขายไปรษณียบัตรที่เป็นบัตรอวยพรปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.นี้แล้ว



แล้วก็ได้มีการพิธีเพื่อเป็นที่รำลึกที่ตึกสำนักงานไปรษณีย์กลางของโตเกียวด้วย สาวพนักงานออฟฟิสที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ได้คุยให้ฟังว่า “ถึงแม้ว่าบัตรอวยพรปีใหม่ที่จะส่งจะลดน้อยลงกว่าเมื่อสมัยก่อน แต่จะใช้อย่างเช่นรูปถ่ายในการไปท่องเที่ยวแทนเพื่ออยากทำให้รับรู้ถึงความเป็นไปช่วงระยะเวลานี้”

ในสมัยนี้คนนิยมอวยพรปีใหม่กันทางอีเมล์เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ที่ทางไปรษณีย์แห่งประเทศญี่ปุ่นขายนั้นค่อยๆ ลดปริมาณลงเรื่อยๆ ไปรษณียบัตรที่วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 29 นี้จะมีปริมาณน้อยกว่าเมื่อ 1 ปีแล้วอยู่ 3 ร้อยล้านใบ และมีการคาดการณ์ว่าจะมีประมาณ 3 พันล้านใบเท่านั้น

ไปรษณีย์แห่งประเทศญี่ปุ่นคิดว่าอยากจะให้ส่งบัตรอวยพรปีใหม่ให้กับคนจำนวนมากๆ ดังนั้น จึงจัดทำไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ที่มีหมายเเลขฉลากบนไปรษณียบัตรสำหรับจัลรางวัล สำหรับรางวัลที่ดีที่สุดก็มีอย่างเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, การท่องเที่ยวมูลค่าประมาณ 1 แสนเยนหรือเงินสดจำนวน 1 แสนเยน ที่ผ่านมาจะเป็นจำนวนเงินแค่ 1 หมื่นเยนเท่านั้น แล้วก็สามารถส่งบัตรอวยพรปีใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ แล้วมาคอยลุ้นรางวัลกันนะคะ


  

Posted by mod at 20:33Comments(0)

2015年10月29日

京都で「時代祭」 2000人が昔の着物を着て歩く Jidai matsuri

วันนี้เราจะพาย้อนยุคกันไปในสมัยเฮอัน ที่เมืองเกียวโตยังเป็นเมืองหลวงอยู่ โดยจะพาไปรู้จัก 1 ใน 3 เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดเกียวโตกัน

ก่อนอื่นเรามารู้จักจังหวัดเกียวโตกันก่อนนะคะ

เกียวโตนั้นเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อว่า “Heian-Kyo 平安京” หรือเมืองหลวงแห่งความสงบสุข เพราะตลอดช่วงระยะเวลากว่าพันปีที่เป็นเมืองหลวง ญี่ปุ่นมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านการค้าและวัฒนธรรมอย่างมาก จึงจัดให้มีเทศกาลที่ระลึกถึงความสำคัญของกรุงเกียวโตขึ้นมา ตั้งแต่สมัยเมจิที่ 28 (ปี 1895) นั่นก็คือ จิไดมัตสึริ (Jidai Matsuri時代祭り) ในทุกวันนี้คนร่วมงานก็ไม่ได้มีแค่คนในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกจำนวนมากได้เดินทางมาร่วมงานเทศกาลด้วย



Jidai Matsuri นั้นเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลที่มีชื่อเสียงมากของกรุงเกียวโต งานเทศกาล Jidai Matsuri จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม ของทุกปี เนื่องจากวันที่ 22 ตุลาคม ปี 794 ถือเป็นวันที่กรุงเกียวโตถูกตั้งให้เป็นเมืองหลวงโดยจักรพรรดิคัมมุ

ในการฉลองครบรอบปีที่ 1,100 ของการก่อตั้งเมืองเกียวโต (ค.ศ. 1895) ชาวเมืองเกียวโตได้ร่วมกันสร้างศาลเจ้าเฮอัน (Heian Jingu 平安神宮) ขึ้นมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าชาวเกียวโตนั้นให้ความเคารพและเทิดทูนจักรพรรดิ์ และก็จัดให้มีเทศกาลเพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่เมื่อครั้งที่มีกรุงเกียวโตเป็นเมืองหลวง

จุดเด่นของงานนี้คือขบวนแห่ที่มีผู้เข้าร่วมขบวนกว่า 2,000 คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสมัยโบราณที่ชาวเมืองเกียวโตในสมัยต่างๆ แต่งกัน สมกับชื่อของเทศกาลนี้ เพราะคำว่า Jidai Matsuri นั้น ถ้าแปลตรงตัวก็คือ “เทศกาลแห่งยุคสมัย”






ขบวนแห่จะเริ่มจากที่หน้าพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต (Kyoto Gosho 京都御所) และไปสิ้นสุดที่ศาลเจ้าเฮอัน ซึ่งรวมระยะทางของขบวนแห่นี้ก็ประมาณ 4.5 กิโลเมตรกันเลยทีเกียว ซึ่งผู้ชมก็จะสามารถชมความสวยงามตระการตาได้ตลอดเส้นทาง ส่วนที่มีผู้เข้าชมหนาแน่นมากที่สุดมักจะเป็นพระราชวังอิมพีเรียลและบริเวณใกล้เคียงกับศาลเจ้าเฮอัน แต่ถ้าใครสนใจอยากชมงานเทศกาล Jidai Matsuri อย่างใกล้ๆ เรียกว่าชิดติดขอบจอเลยล่ะก็ สามารถจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าในราคาประมาณ 2,000 กว่าเยน

ทีนี้เรามาดูกันว่าในขบวนแห่นั้นประกอบด้วยอะไรกันบ้าง ด้านหน้าสุดของขบวนแห่จะเป็นคนที่แต่งกายอย่างเช่นทหารในสมัยเมจิ ส่วนด้านหลังต่อมาเรื่อยๆ ในขบวนก็จะเป็นคนที่สวมใส่ชุดโบราณ นอกจากนั้นก็ยังมีคนที่แต่งกายเป็นพวกนักวาดภาพในสมัยเฮอันและนักรบที่มีชื่อเสียงที่มีบทบาทสำคัญในเมืองเกียวโตด้วย














ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.kyoto.travel/kspc/event.html
http://www.heianjingu.or.jp/english/0301.html
http://web-japan.org
http://ja.wikipedia.org


  

Posted by mod at 20:13Comments(1)

2015年10月28日

ラグビーのワールドカップで使うマークが決まる



ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับประเทศญี่ปุ่นด้วยที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน Rugby World Cup ปี 2019 เป็นครั้งแรก แล้วที่น่าภาคภูมิใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือเป็นครั้งแรกของทวีปเอเชียเลยที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่นี้ สำหรับญี่ปุ่นก็ได้เตรียมการพร้อมแล้ว โดยในตอนนี้ได้มีการตัดสินเลือกโลโก้ที่จะใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ โดยสมาคมรักบี้แห่งประเทศญี่ป่นได้เปิดแถลงการณ์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



โลโก้นั้นจะวาดพระอาทิตย์และภูเขาไฟฟูจิไว้ด้านในให้มีรูปร่างคล้ายกับลูกรักบี้




สมาคมรักบี้แห่งประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า “นับได้ว่าเป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นที่ทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก ก็เลยคิดว่าอยากจะทำให้เป็นการแข่งขันที่สุดแสนอลังการ”

การแข่งขัน Rugby World Cup ในปี 2019 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 20 กันยายนที่กรุงโตเกียว แล้วจะมีการแข่งขันชิงชนะเลิศกันที่เมืองโยโกฮาม่า ในวันที่ 2 พฤศจิกายน


นี่คือภาพส่วนหนึ่งของทีมรักบี้ญี่ปุ่น สำหรับภาพนี้เป็นภาพการเฉลิมฉลองชัยชนะที่มีเหนือทีมแอฟริกาใต้ระหว่างการแข่งขัน Rugby World Club ปี 2015 ที่ประเทศอังกฤษ



ส่วนสนามที่จะใช้ในการแข่งขันนั่นก็คือ สนามกีฬาโอลิมปิกโตเกียว (National Olympic Stadium)คือสนามกีฬาแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตชินจุกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถูกใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1964 ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 18 ที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพ และจะถูกใช้อีกครั้งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 32 ในปี ค.ศ.2020



สนามกีฬาแห่งนี้จะถูกก่อสร้างใหม่บนพื้นที่เดิม เพื่อใช้ในการแข่งขันรักบี้ เวิร์ลคัพ ปี ค.ศ.2019 และใช้ในพิธีเปิดและปิด กรีฑา ฟุตบอล และรักบี้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี ค.ศ.2020 โดยการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.2015 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2019

สนามกีฬาแห่งชาติใหม่แบบครบวงจร ที่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดการแข่งขันออกแบบและผู้ชนะคือนักสถาปัตย์สาวจาก อิรัก ผู้ที่ได้รับรางวัลออกแบบมาแล้วจากทั่วโลก Zaha Hadid




สำหรับแฟนรักบี้ทั้งหลายก็รอติดตามข่าวความคืบหน้ากันต่อไปนะคะ   

Posted by mod at 20:13Comments(0)

2015年10月27日

涙が出ないたまねぎを売り始める






บริษัท House Food Corp ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่าย อาหารรายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ค้นพบเอมไซม์ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลตอนที่ใช้มีดหั่นหอมใหญ่แล้วก็ได้รับ “รางวัลอิก โนเบล” ในปี 2013 สาขาเคมี : คือเป็นการค้นพบว่ากระบวนการทางชีวเคมีที่เกิดจากหัวหอมที่ทำให้คนเราร้องไห้ นั้นมีความซับซ้อนมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยเข้าใจ ผลงานวิจัยของชินซุเกะ อิมาอิ (Shinsuke Imai) โนบุอากิ สึเกะ (Nobuaki Tsuge) มูเนอากิ โทโมทาเกะ (Muneaki Tomotake) โยชิอากิ นากาโทเมะ (Yoshiaki Nagatome) โทชิยูกิ นากาตะ (Toshiyuki Nagata) และ ฮิเดฮิโกะ กุมกาอิ (Hidehiko Kumgai) จากญี่ปุ่น และเยอรมนี




[รางวัลอิกโนเบล] (Ig Nobel) (ย่อมาจาก ignoble Nobel) เป็นรางวัลของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มอบให้แก่ผลงานทางวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัยที่ไม่น่าจะเป็นไปได้



บริษัทได้ทำการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และทำการปลูกหอมหัวใหญ่ที่แทบจะไม่มีเอนไซม์ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดน้ำตาไหลอยู่ในหอมหัวใหญ่เลย หอมหัวใหญ่นี้แม้จะทานทั้งดิบๆ ก็แทบจะไม่รู้สึกเผ็ดเลย

บริษัทฯ ได้เริ่มวางขายหอมหัวใหญ่แล้วอย่างเช่นในร้านทางอินเตอร์เน็ต แล้วกล่าวว่าในปี 2019 อยากจะขายให้ได้ประมาณ 1,000 ตันต่อปี  

Posted by mod at 19:40Comments(0)

2015年10月26日

青森県弘前市 絵を付けたりんごができた

ถ้าพูดถึงผลไม้ที่ฉันบ่อยๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น “แอปเปิ้ล” เพราะเป็นผลไม้ที่กินแล้วไม่เบื่อ ด้วยรสชาติหวานๆ แถมมีกลิ้นหอมด้วย แล้วถ้าพูดถึงแอปเปิ้ลของญี่ปุ่น ก็ต้องแอปเปิ้ลอาโอโมริ 青森りんご (อาโอโมริ ริงโงะ) เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริเลย




ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้แอปเปิ้ลที่นี่หวานชื่นใจ ก็คือ จะให้แอปเปิ้ลเจริรเติบโตกลางแดด โดยจะไม่นำถุงไปห่อผลแอปเปิ้ลตลอดเวลา จะห่อเฉพาะช่วงที่ยังมีผลเล็กเพื่อป้องกันแมลง จึงทำให้แอปเปิ้ลได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ความหวานก็จะเพิ่มขึ้นด้วย



ไม่ใช่แค่แอปเปิ้ลอาโอโมริจะหอมหวานดึงดูดใจแล้ว แต่ในตอนนี้ยังสามารถทำให้เกิดภาพบนผิวของแอปเปิ้ลเพื่อเพิ้มความสวยงามด้วย



นอกจากที่เมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริที่ปลูกแอปเปิ้ลได้เป็นจำนวนมากแล้ว ยังสามารถปลูกแอปเปิ้ลที่มีรูปภาพปรากฎบนผลแอปเปิ้ลได้สำเร็จอีกด้วย อย่างเช่นรูปภาพใบหน้าคน

โดยเขาจะติดสติกเกอร์ชนิดพิเศษที่ทำให้รูปภาพหรือตัวหนังสือประทับลงบนผลแอปเปิ้ลก่อนที่ผลจะกลายเป็นสีแดง พอผลแอปเปิ้ลสัมผัสกับแสงแดด บริเวณนอกเหนือจากสติกเกอร์ที่แปะไว้ก็จะกลายเป็นสีแดง แล้วทำให้เกิดรูปภาพปรากฎบนผลแอปเปิ้ล



เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา เหล่าชาวสวนได้เก็บผลแอ๊ปเปิ้ลลงมาจากต้น ปรากฎว่ามีรูปภาพกว่า 20 ภาพอย่างเช่นหอไอเฟิลที่อยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส หรือภาพอุกิโยะในสมัยเอโดะปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน แถมยังมีรูปภาพใบหน้าของท่านประธานาธิบดีฟร็องซัว ออล็องด์ของประเทศฝรั่งเศสและใบหน้าของท่านนายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะด้วย ดูเหมือนว่าแอปเปิ้ลเหล่านี้จะมีคนซื้อเพื่อนำไปเป็นของขวัญจำนวนมากเลยทีเดียว

ขั้นตอนการทำให้ปรากฎภาพบนผิวแอปเปิ้ล





ติดสติกเกอร์สีดำชนิดพิเศษลงบนผิวแอปเปิ้ลตอนที่ยังเป็นสีเขียวอยู่





ปล่อยให้สัมผัสกับแสงแดด



ผลเปลี่ยนเป็นสีแดง





ออกมาเป็นแอปเปิ้ลที่มีลวดลายสวยงาม














  

Posted by mod at 20:00Comments(0)

2015年10月22日

大田区の「下町ボブスレー」 新しいそりができた

วันนี้เรามารู้จักกีฬาฤดูหนาวกัน ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีหิมะให้เล่นก็ตาม



บอบสเลด (อังกฤษ: Bobsled) คือกีฬาที่ใช้การเลี้ยงกระดานที่ตนเองนอนคว่ำหันหัวไปด้านหน้าไปตามรางที่มีลักษณะอุโมงค์เปิดด้านบนและมีพื้นเป็นน้ำแข็งให้เร็วที่สุด โดยที่อนุญาตให้นักกีฬาทำการไสกระดานได้ในช่วงก่อนเส้นเข้ารางเพื่อเพื่มความเร็ว แต่หลังจากนั้นจะไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายถูกพื้นรางและห้ามให้ตัวหลุดจากกระดานโดยเด็ดขาด



ในตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีบริษัทกว่า 100 บริษัทอย่างเช่นโรงงานที่อยู่ในในเขตโอตะจังหวัดโตเกียวมาทำการค้นคว้าวิจัยและผลิตกระดานเลื่อนสำหรับกีฬา Bobsled ร่วมกัน


กระดานเลื่อนประเภทที่นั่งได้ 2 คนนั้นมีชื่อว่า “Shitamachi Bobsled” ในตอนนี้คิดว่าอยากจะให้นักกีฬาที่เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นใช้กระดานเลื่อนนี้ในการแข่งขัน PyeongChang Olympic (The 2018 Winter Olympics) ที่เกาหลีใต้ในปี 2018 แล้วก็จะทำการค้นคว้าวิจัยต่อไปเรื่อยๆ




ในวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา พวกคนที่โรงงานได้นำกระดานเลื่อนตัวใหม่ออกมาโชว์ กระดานเลื่อนตัวใหม่ดูเหมือนจะสามารถเลี้ยวโค้งได้เร็วกว่าตัวก่อนหน้านี้

ในเดือนหน้า จะมีการทดสอบเพื่อที่จะตัดสินกระดานเลื่อนที่นักกีฬาตัวแทนประเทศญี่ปุ่นจะใช้ต่อจากนี้ไป กระดานเลื่อน “Shitamachi Bobsled” จะเข้ารับการทดสอบพร้อมกับกระดานเลื่อนของเยอรมันนีด้วย

คนที่ผลิต “Shitamachi Bobsled” กล่าวว่า “คิดว่าอยากจะให้ทั่วโลกได้เห็นเทคโนโลยีชั้นสูงของญี่ปุ่นก็เลยเริ่มต้นผลิตขึ้นมา แล้วก็ยังคิดว่าอยากให้ประเทศได้ใช้ด้วย”




หมายเหตุ กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 (ค.ศ. 2018) (อังกฤษ: XXIII Olympic Winter Games) เป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 จัดขึ้น ณ เมืองพย็องชัง ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ถึง 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ชนิดกีฬาที่แข่งขัน

โอลิมปิกฤดูหนาวในครั้งนี้มีการแข่งขันทั้งหมด 86 ประเภท ใน 7 ชนิดกีฬา (15 สาขา)
• สกีลงเขา
• ไบทลอน
• บอบสเล
• มาราธอนสกี
• เคอลิ่ง
• ระบำสเก็ต
• ฟรีสไตล์สกี
• ฮอกกี้น้ำแข็ง
• ลุจ
• สกีผสม
• วิ่งสเก็ตแทร็คระยะสั้น
• สเคเลทัน
• สกีกระโดดไกล
• สโนว์บอร์ด
• วิ่งสเก็ตทางยาว

  

Posted by mod at 20:12Comments(0)

2015年10月21日

人気があるゴリラの誕生日 大勢の人がお祝いに来る






ในสวนสัตว์ฮิงาชิยาม่า ในเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ มีเจ้าลิงกอริลลาสายพันธุ์โลว์แลนด์ตะวันตก เพศผู้อยู่ตัวหนึ่ง มันชื่อ “Shabani” เจ้าลิงตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากสาวๆ ญี่ปุ่น ด้วยรูปร่างที่กำยำพร้อมหน้าอกที่บึกบึน และลักษณะท่าทางที่สุขุมเคร่งขรึม จนถูกเรียกว่า “Ikemen” ซึ่งมีความหมายถึงผู้ชายที่หน้าตาหล่อมากๆ เมื่อก่อนเจ้า Shabani อยู่ที่สวนสัตว์ทารองก้า ในประเทศออสเตรเลีย แล้วถูกย้ายมาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2007




ในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้า Shabani มีอายุครบ 19 ปีแล้ว ทางสวนสัตว์ก็เลยฉลองวันเกิดด้วยเค้กที่ทำจากฟักทองและมะเขือเทศที่เป็นของโปรดของเจ้า Shabani



เจ้า Shabani เป็นพ่อที่เอาใจใส่ดูแลลูก 2 ตัวได้อย่างดีมาก



มีคนราวๆ 500 คนมาร่วมอวยพรในวันเกิดด้วย ชายคนหนึ่งที่มาพร้อมกับครอบครัวจากจังหวัดมิเอะกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าหน้าตาจะหล่อสู้เจ้า Shabani ไม่ได้ แต่ก็จะพยายามเลี้ยงดูลูกอย่างดีไม่ให้แพ้มันเลย”

หากใครอยากจะสัมผัสความหล่อของเจ้าลิงตัวนี้ สงสัยอาจจะต้องตีตั๋วไปไกลถึงเมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว  

Posted by mod at 20:00Comments(0)

2015年10月20日

成田空港第3ターミナルが「グッドデザイン賞」をもらう

ญี่ปุ่นนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างอยากจะมากัน ทำให้อาคารผู้โดยสารเดิมที่สนามบินนาริตะเริ่มแออัดเสียแล้ว ดังนั้น สนามบินนานาชาตินาริตะ จึงมีกำหนดเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ Terminal 3 ในวันที่ 8 เมษายน 2015 โดยมีจุดประสงค์เพื่อรองรับผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำเนื่องจากมีแนวโน้มการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทุกสายจะทำการย้ายมารวมกันที่เทอมินอลแห่งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น











Narita International Airport Terminal 3 ใช้เวลาก่อสร้างมานานถึง 3 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับ Low Cost Airlines โดยเฉพาะ แถมมีข้อจำกัดในการก่อสร้างด้วยว่าต้องเป็น Low Cost Terminal ทั้งในแง่โครงสร้างและการตกแต่ง ดังนั้นเมื่อมีข้อจำกัดความคิดสร้างสรรค์เลยจำเป็นต้องเกิด หลังจากระดมสมองรวมหัวกันจนตกผลึกแล้ว เค้าจึงได้แปลงข้อจำกัดที่ว่าให้กลายมาเป็นคอนเซปต์ "Sport" เรียบเท่และดูแอคทีฟ เพื่อให้พร้อมรับโตเกียวโอลิมปิคที่กำลังจะมาถึงในปี 2020 ซึ่งแน่นอนว่าจะมีเหล่านักกีฬาและนักเดินทางจากทั่วโลก หลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนญี่ปุ่นเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว






ข้อจำกัดหนึ่งที่สำคัญก็คือการลดการใช้ทางเลื่อนอัตโนมัติและป้ายไฟต่างๆ เพื่อประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในระยะยาว จึงทำให้เกิดดีไซน์ทางเดินเป็นลู่วิ่งเก๋ๆ สีสันสะดุดตาในธีม Sky & Earth ผู้โดยสารขาออก (Departures) ที่จะต้องบินออกจากสนามบิน ให้เดินตาม Track สีฟ้าที่สื่อแทนสีของท้องฟ้า ส่วนผู้โดยสารขาเข้า (Arrivals) ให้เดินตามลู่สีน้ำตาลแดงที่สื่อถึงผืนดิน ให้รู้ว่ากำลังจะเข้าสู่แผ่นดินญี่ปุ่นกันแล้ว โดยมีการตัวเลขกำกับบอกระยะทางให้ดูตลอดทาง จะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าต้องเดินอีกไกลแค่ไหน นอกจากนี้ยังแสดงเครื่องหมายต่างๆ ด้วย icon ที่เข้าใจง่ายลงบนพื้นและผนังอย่างชัดเจน เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้ใช้งานง่าย ไม่หลงทาง





แล้วในตอนนี้ อาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ Terminal 3 ก็ได้รับคัดเลือกจาก JDP (Japan Institute of Design Promotion) ที่คัดเลือกผลิตภัณฑ์และอาคารที่มีการออกแบบที่สวยงามและใช้งานได้ง่ายให้รับ [รางวัล Good Design] ในปี 2015 นี้




โดย [อาคารผู้โดยสาร Terminal 3] ของสนามบินนาริตะได้ถูกตัดสินให้ติดใน 100 อันดับผลงานที่ดีที่สุดของปีนี้ ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สนามบินได้รับการคัดเลือกให้ติดใน 100 อันดับผลงานที่ดีที่สุด อาคารผู้โดยสาร Terminal 3 คืออาคารที่ใช้สำหรับบริษัทสายการบิน LCC (บริษัทดำเนินกิจการเครื่องบินแบบ Low Cost) ที่ได้เปิดในฤดูใบไม้ผลิปีนี้

สายการบินต้นทุนต่ำของญี่ปุ่น ได้แก่ Jetstar Japan, Peach, Vanilla Air และ Spring Japan




สายการบินต้นทุนต่ำนานาชาติ ได้แก่ Jetstar Airways, Thai AirAsia X, Air Busan, Easter Jet, Scoot, Jeju Air, Cebu Pacific Air, AirAsia X, Hong Kong Express Airways




JDP (Japan Institute of Design Promotion) ได้บอกเหตุผลที่เลือกเพราะว่ามีการปรับเปลี่ยนดัดแปลงสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสมเพื่อให้สร้างอาคารที่มีราคาถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในบริเวณอาคารผู้โดยสาร Terminal 3 ได้เขียนเส้นให้คล้ายกับสนามกรีฑา เพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้บริการเข้าใจได้ง่ายถึงดีถ้าสถานที่ที่เดินผ่านไป

ส่วนด้านการอำนวยความสะดวกสบายก็มีอย่างเช่น คนที่จะโดยสารเครื่องบินในเวลาดึกมากๆ หรือเช้ามากๆ จะมีอย่างเช่นเก้าอี้ที่สามารถนอนได้ และใช้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

บริษัทท่าอากาศยานนาริตะได้กล่าวว่า “ตั้งแต่นี้ต่อไปก็อยากจะพยายามทำเพื่อให้สนามบินดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก”
  

Posted by mod at 20:21Comments(0)

2015年10月19日

次は日本でワールドカップ ストリートラグビーを紹介

ญี่ปุ่นไม่ได้เก่งเฉพาะกีฬาฟุตบอลหรือวอลเล่ย์บอลเท่านั้น แต่ในตอนนี้ทีมรักบี้ญี่ปุ่นกำลังเป็นที่จับตามองของทั่วโลกอีกด้วย เนื่องจากในการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก "Rugby World Cup" ที่กำลังจัดแข่งขันอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น ทีมรักบี้ญี่ปุ่นได้ชัยชนะมา 3 ครั้งแล้ว และประเทศญี่ปุ่นก็จะเจ้าภาพจัดการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก Rugby World Cup ครั้งต่อไปในปี 2019 ด้วย ดังนั้นเพื่อทำให้คนจำนวนมากได้รู้สึกสนุกสนานมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดทำกีฬาที่เรียกว่า “street rugby” ขึ้นมาเพื่อทำให้คนที่รู้จักรักบี้เป็นครั้งแรกสามารถเล่นได้




ดังนั้น จึงได้มีการจัดงานอีเว้นท์ที่ทำให้ “สตรีทรักบี้” สนุกสนานยิ่งขึ้น โดยงานอีเว้นท์จัดขึ้นที่บริเวณนอกอาคาร "โตเกียว สแควร์ การ์เดนส์" ย่าน Kyobashi ของกรุงโตเกียว โดยมีทีมรักบี้ของเด็กนักเรียนประถมราวๆ 60 คน สมาคมชุมชนเขตนิฮมบาฉิ, ยาเอสึ และเคียวบาฉิ และทีม สตรีท รักบี้ อัลไลแอนซ์ เข้าร่วมงาน ในงานครั้งนี้นายบอริส จอห์นสัน,นายกเทศมนตรีอังกฤษที่มาเยียนญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการเจรจาทางการค้า มุ่งกระชับความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมไปพร้อมกัน ส่งเสริมการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในอังกฤษเข้าร่วมงานด้วย


เด็กหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มาร่วมงานได้กล่าวว่า “สามารถวางไทร์ได้ทำให้สนุกสนานมากทีเดียว คิดว่าอยากจะไปดูการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกในปี 2019 ด้วย” “สตรีท รักบี้” นั้นในทีมหนึ่งจะมีผู้เล่น 3 คน แล้วเวลาในการแข่งขันคือ 2 นาที คนที่คิดเกี่ยวกับ “สตรีท รักบี้” กล่าวว่า “สตรีทรักบี้เพสามารถเล่นได้ในสถานที่แคบๆ อย่างในย่านการค้า ต่อไปก็อยากจะแนะนำให้กับสถานที่ต่างๆ ด้วย”






แล้วในการแข่งขันกระชับมิตรครั้งนี้ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มีรอยฟกช้ำ แต่ไม่ได้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ เมื่อนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน วิ่งชนเด็กญี่ปุ่นล้มในระหว่างแข่งขันรักบี้นายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ของอังกฤษ ได้ปะทะกับเด็กชายโทกิ เซคิกุจิ วัย 10 ขวบ ในระหว่างการแข่งขันรักบี้นัดกระชับมิตรที่กรุงโตเกียว จนล้มคะมำลงไปกับพื้นทั้งสองคน ซึ่งนายจอห์นสันได้ลุกขึ้นและจับมือกับเด็กชายโทกิ พร้อมกับกล่าวขอโทษด้านเด็กชายโทกิบอกว่า เขารู้สึกเจ็บนิดหน่อย หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ถ่ายรูปร่วมกัน และนายจอห์นสัน ได้มอบลูกรักบี้ให้แก่เด็กชายโทกิ



ขอบคุณข้อมูลจาก Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย   

Posted by mod at 19:55Comments(0)

2015年10月16日

世界都市ランク 東京は8年連続4位

วันนี้เรามารู้จักการวิจัย GPCI กัน

Global Power City Index (GPCI) [เมืองทรงอิทธิพล] คือ ดัชนีชี้วัดความสามารถในการดึงดูด(magnetism) ของเมืองต่างๆในโลก เช่น สามารถดึงดูดความสนใจจากแรงงานทักษะสูง กลุ่มธุรกิจให้หลั่งไหลเข้ามา จัดทำโดย The Institute for Urban Strategies ภายใต้มูลนิธิ The Mori Memorial Foundation ซึ่งทำการประเมินและจัดอันดับแต่ละเมือง เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 2008 เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยประเมินครอบคลุมใน 6 มิติ คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านงานวิจัยและพัฒนา ด้านการปฏิสัมพันธ์ในเชิงวัฒนธรรม ด้านความเป็นอยู่ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการเข้าถึง(accessibility) การวัดครั้งล่าสุดในปีค.ศ. 2015 ทาง GPCI ได้คัดเลือก 40 เมืองจากทั่วโลก เพื่อทำการประเมินและจัดอันดับซึ่งกรุงโตเกียวได้ถูกคัดเลือกเข้าร่วมด้วย




โดยปีนี้มหานครลอนดอนของประเทศอังกฤษได้รับการโหวตให้เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว
ส่วนอันดับ 2 ได้แก่นครนิวยอร์คของสหรัฐอเมริกา
อันดับ 3 ได้แก่กรุงปารีสของประเทศฝรั่งเศส
อันดับ 4 ได้แก่กรุงโตเกียวของประเทศญี่ปุ่น สำหรับกรุงโตเกียวนั้นติดอันดับ 4 มาตลอด 8 ปีนับตั้งแต่ปีแรกที่มีการจัดอันดับมา






เมื่อลองนำกรุงโตเกียวกับมหานครลอนดอนที่เป็นอันดับ 1 มาเปรียบเทียบกันจากผลการสำรวจของสถาบันวิจัยแล้ว ดูเหมือนว่าจะเห็นความแตกต่างในด้านการปฏิสัมพันธ์ในเชิงวัฒนธรรมอย่างมากเลยทีเดียว กรุงโตเกียวนั้น เมื่อปีที่แล้วมีจำนวนคนที่มาท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 8,870,000 คน แต่คนที่มาเที่ยวที่นครลอนดอนมีเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น




ถึงแม้ในด้าน [การคมนาคม] นั้นกรุงโตเกียวจะไม่ค่อยมีเมืองของต่างประเทศที่สามารถไปๆ มาๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องบินได้มากนักก็ตาม แต่ก็มีประมาณ 30% ของลอนดอน ในปีนี้ดูเหมือนว่าความแตกต่างของกรุงโตเกียวกับนครลอนดอนจะห่างไกลกันมากกว่าปีที่แล้วเยอะทีเดียว


  

Posted by mod at 19:55Comments(0)