インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き › 2016年10月

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2016年10月31日

อิโมจิชุดแรกของญี่ปุ่น  絵文字

คำว่า “絵文字” (e-moji) หรือที่เราๆ รู้จักกันในชื่อว่า อิโมจิ

ถ้าแปลกันตรงตัวเลย คำว่า 絵 (e) แปลว่ารูปภาพ ส่วนคำว่า 文字 (moji) แปลว่าตัวอักษร ดังนั้นมันจึงเป็นตัวอักษรรูปภาพนั่นเอง

อิโมจิจะเป็นภาพเล็กๆ อย่างเช่นใบหน้าหัวเราะหรือว่าร้องไห้ที่ใช้ในการส่งเมล์ทางโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่น ซึ่งมาจากบริษัท Nippon Telegraph and Telephone หรือ NTT Docomo ของญี่ปุ่น โดยอิโมจิเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้น และนำออกให้ลูกค้าใช้ในญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 1999 หรือ 17 ก่อน ปรากฏว่าลูกค้าของ NTT Docomo ตอบรับอิโมจิยุคบุกเบิกนี้ดีมาก




สาเหตุที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเนื่องมาจากการใช้อิโมจินั้นช่วยถ่ายทอดความรู้สึกได้แม้จะเป็นการส่งข้อความสั้นๆ ก็ตาม แล้วในตอนนี้ก็ยังขยายจากการแสดงความรู้สึก จนกลายเป็นเครื่องมือถ่ายทอดข้อความในการสื่อสารรูปแบบต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมากทั่วโลก

ในตอนนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (The Museum of Modern Art ) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ MoMA ในนครนิวยอร์ค, สหรัฐอเมริกาได้รับสิทธิ์ในการนำอิโมจิชุดแรกนี้ที่มีจำนวน 176 ตัวที่คนญี่ปุ่นได้ประดิษฐ์ขึ้นมาจัดแสดง

พิพิธภัณฑ์ได้กล่าวว่า “ตัวอิโมจิได้ทำให้การติดต่อสื่อสารของคนได้เปลี่ยนไปด้วยพลังแห่งการดีไซน์ โดยทางพิพิธภัณฑ์จะนำอิโมจิจำนวน 176ตัวที่ได้พิมพ์ไว้ออกแสดงและยังมีการฉายผ่านบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยตั้งแต่วันที่ 10 เดือนธันวาคมเป็นต้นไป
  

Posted by mod at 14:46Comments(0)

2016年10月27日

Aki ฤดูใบไม้ร่วงที่แสนเย็นสบาย

ตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หรือ あき(อะกิ)กันแล้วนะคะ โดยฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มตั้งแต่ เดือนกันยายน ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ฤดูใบไม้ร่วงนี้เป็นช่วงที่มีอากาศดี เพราะหลังจากฤดูร้อนผ่านพ้นไป ลมเย็นๆ ก็พัดเข้ามาแทนที่ ต้นไม้เริ่มผลัดสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง แล้วก็พากันร่วงหล่นลงดิน เหลือแต่กิ่งก้านโบกไหวไปตามลมรอวันที่ลมหนาวที่กำลังจะเข้ามา ในฤดูนี้นับว่าเป็นฤดูที่มีสีสันมาก คนจึงนิยมไปสวนสาธารณะที่จะเต็มไปด้วยสีแดง ส้ม เหลือง และบรรดา ต้นไม้ก็ผลัดสีมีมากมายหลายพันธุ์ที่พอสลัด ใบร่วงหล่น หมดก็จะ แตกช่อ ออกดอก นับเป็นช่วง ฤดูกาลที่สวยงามมาก เหมาะแก่การพักผ่อน




ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุนจะมีเอกลักษณ์ที่เด่นในธรรมชาติคือ แมลงปอสีแดงบินเล่นลม โดยมีชื่อญี่ปุ่นว่า Aka-Tombo หมายถึง แมลงปอสีแดง โดยจะพบว่าทั่วทั้งลำตัวเป็นสีแดงทั้งหมด แต่มีเฉพาะศีรษะและหน้าอกของสายพันธุ์นี้ที่ไม่ได้เป็นสีแดง เสียงร้องของจิ้งหรีดในตอนหัวค่ำ กลิ่นหอมเย็นๆ ดอกモクセイ (ดอกหอมหมื่นลี้) ทั้งวันคืน เหล่านี้บ่งบอกบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นได้ดี




แล้วที่เรามักจะเห็นแมลงปอในฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นชนิดพันธุ์ที่ไม่ชอบความร้อนในช่วงฤดูร้อน พวกมันจะอาศัยอยู่บนภูเขาในช่วงฤดูร้อนและลงมาในที่ราบเมื่ออากาศเย็นลง แล้วแมลงปอสีแดงก็ยังเป็นที่นิยมของเด็กๆ ด้วย เพราะมีแม้กระทั่งในเพลงพื้นบ้าน โดยมีชื่อเพลง “อะคะโทมโบะ” หรือ “แมลงปอสีแดง” เป็นเพลงที่แต่งขึ้นสำหรับใช้ในนิทานเด็ก และมีชื่อเสียงมากขนาดที่ว่า เมื่อพูดถึงเพลงของเด็กเล็ก เพลง “อะคะโทมโบะ” หรือ “แมลงปอสีแดง” จะเป็นเพลงที่ใครๆคิดถึงและรู้จักกันเป็นอย่างดี

เป็นเพลงที่ทำให้คนญี่ปุ่น เวลาที่เห็นแมลงปอสีแดงบินไปมายามสนธยา คนญี่ปุ่นจะอดคิดถึงบ้านเกิดของตัวเองไม่ได้ เพลง “อะคะโทมโบะ” จึงเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ลุ่มลึก ที่ทำให้คนที่ได้ยินได้ฟังเพลงนี้อดคิดถึง หรือรำลึกถึงบ้านเกิดที่แต่ละคนมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งไม่ได้



ในช่วงนี้ก็ยังเป็นช่วงที่อุดมไปด้วยผลผลิตทางการเกษตรที่อร่อยๆไม่ว่าจะเป็นข้าว มันเทศ เห็ดและเกาลัด เป็นต้น เด็กๆต่างสนุกกับการเก็บเกาลัดพันธุ์ต่างๆที่ตกจากต้นที่ปลูกทั่วไปตามสวนสาธารณะอีกด้วย
  

Posted by mod at 19:37Comments(0)

2016年10月17日

งานอีเว้นท์ดอกไม้ฤดูร้อนที่ Makuhari Messe

วันนี้จะพามาชมงานอีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นที่ Makuhari Messe ในเมืองชิบะซึ่งรวบรวมบริษัทผู้จำหน่ายและปลูกดอกไม้กว่า 570 บริษัทไว้ในงานนี้ โดยในบริเวณงานจะเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ปลูกไว้ในกระถางและดอกไม้ที่ตัดมาประดับตกแต่งมากมาย




องค์กรที่จัดงานอีเว้นท์ได้เล่าให้ฟังว่า “ดอกไม้ที่ดูแข็งแรง และสดชื่นแม้ในฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าว กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แล้วในช่วงกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่โตเกียวในปี 2020 ก็จะนำมาดอกไม้เหล่านี้มาประดับตกแต่งสถานที่และจะใช้เป็นช่อดอกไม้มอบให้แก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญด้วย โดยดอก “Aloha Lilly” จะเป็นดอกไม้ขนาดเล็กที่บานเป็นช่อสวยงามคล้ายกับสัปปะรดเลย สำหรับดอกไม้ชนิดนี้แม้แต่ในฤดูร้อนก็ยังส่งกลิ่นหอมเย็นๆ ต่อเนื่องได้ถึงประมาณ 2 เดือนเลยทีเดียว

แล้วบริษัทในจังหวัดไซตามะที่นำแนะนำดอกไม้นี้มาแนะนำได้เล่าให้ฟังว่า “พวกเรากำลังค้นคว้าวิจัยดอกไม้ที่สามารถอยู่ทนได้ในฤดูร้อน เพื่อที่จะอวดสู่สายตาคนทั่วโลกให้ได้ชมดอกไม้ที่สวยงามของญี่ปุ่นในช่วงการแข่งขันโอลิมปิก” อีกด้วย


  

Posted by mod at 12:30Comments(0)

2016年10月11日

Taspo card กับตู้ขายบุหรี่อัตโนมัติ

おはよう! วันนี้จะมาเล่าความล้าหลังของฉันให้ฟัง อย่างที่เราเห็นกันว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีเครื่องขายของอัตโนมัติอยู่มากมาย เรียกได้ว่าญี่ปุนแทบจะเอาของทุกอย่างใส่เข้าไปในตู้เลยก็ว่าได้ แต่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะว่าตู้ขายบุหรี่อัตโนมัติที่มีติดตั้งไว้เกือบทุกหนทุกแห่งนั้นไม่ใช่ว่าใครๆ จะไปกดซื้อได้ เพราะตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา (นี่ก็ปี 2016 แล้ว เพิ่งรู้ เชยจริงๆ) วิธีการซื้อนั้นจะต้องใช้ taspo คือการ์ด IC ซึ่งเป็นใบอนุญาตในตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะซื้อได้ เนื่องจากกฎหมายญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีซื้อบุหรี่ได้




ดังนั้นบัตร taspo ก็คือบัตรอนุญาตสำหรับผู้สูบบุหรี่ ซึ่งออกให้โดยหน่วยงานเกี่ยวกับยาสูบของรัฐบาลญี่ปุ่น



ผู้ที่จะซื้อบุหรี่จากตู้นี้ได้จะต้องนำบัตร taspo (ย่อมาจาก Tobacco Passport) มาสแกนที่เครื่องก่อน โดยที่ด้านหน้าบัตรจะมีรูปหน้าของเจ้าของ (เหมือนทำบัตรประชาชนของเราเลย เป็นรูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวก)



ตอนที่จะซื้อบุหรี่เครื่องก็จะถามหาให้เอาบัตรนั้นมาทาบแสกนหน้าตู้ ไม่อย่างนั้นตู้จะไม่ขายบุหรี่ให้ หลังจากตู้ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว เราก็ใส่เงินจ่ายค่าบุหรี่ตามการใช้ตู้ขายของอัตโนมัติตามปกติ นอกจากนี้บัตรนี้ยังสามารถเติมเงินเอาไว้ใช้จ่ายซื้อบุหรี่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดอีกด้วย






อาจจะมีคนหัวใสคิดว่างั้นไปทำการ์ดแบบนี้หลายๆ ใบแล้วเอามาขายต่อเด็กได้สิ ไม่ได้นะคะ เพราะว่าบัตรนี้เหมือนบัตรเครดิต ถ้าการ์ดถูกขโมยแล้วไปแจ้งหาย หรือทำใหม่ การ์ดที่หายหรือการ์ดเก่าก็จะใช้ไม่ได้อีก

จะว่าไปก็ไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อจะง่ายกว่านะคะ แต่ก็อีกนั่นแหละคะ ถ้าไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ เกิดหน้าตาดูเด็กเกินอายุ พนักงานที่ขายก็มีสิทธิ์ของดูหลักฐานแสดงอายุได้นะคะ

แต่ว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มารณรงค์ไม่สูบบุหรี่กันดีกว่านะคะ
  

Posted by mod at 12:48Comments(1)

2016年10月10日

ยุติการพิมพ์นิตยสาร Shogaku 2 nensei

วันนี้ขอหยิบยกเรื่องสำนักพิมพ์ในญี่ปุ่นมาคุยกันนะคะ แล้วก็ 1 ในสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นก็คือสำนักพิมพ์โชงะกุกัง ตีพิมพ์ พจนานุกรม นิยาย หนังสือการ์ตูน และสื่อต่าง ๆ ตั้งอยู่ที่ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2467 โดยนายทะเกะโอะ โอะงะ ปัจจุบันประธานบริษัทคือ นายมะซะฮิโระ โอะงะ

สำนักพิมพ์โชงะกุกังตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายตีพิมพ์สื่อความรู้ต่าง ๆ สำหรับโรงเรียนประถม และคู่มือการเรียนการสอนสำหรับอาจารย์ และนักเรียน และได้ขยายกิจการ หนังสือรวมไปถึง พจนานุกรมและสารานุกรม ในปี พ.ศ. 2502 สำนักพิมพ์ได้ตีพิมพ์นิตยสารการ์ตูนเล่มแรก ซึ่งใช้ชื่อว่า โชเนนซันเดย์ และในปี พ.ศ. 2512 ก็ได้ตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องโดราเอมอน ส่วนการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ที่ตีพิมพ์โดยโชงะกุกังและเป็นที่นิยม ได้แก่ รันม่า 1/2 แฮมทาโร่ อินุยาฉะ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

นอกจากนี้ โชงะกุกังยังได้ตีพิมพ์นิตยสารแฟชั่นที่เป็นรู้จักกันดีในญี่ปุ่น ได้แก่ CanCam ในปัจจุบันโชงะกุกังตีพิมพ์หนังสือการ์ตูนมากกว่าหนึ่งล้านเล่มต่อปีอีกด้วย



ในแต่ละฉบับก็จะมีของน่ารักๆ แจก แล้วก็มีประโยชน์ด้วย อย่างเช่นดินสอท่องสูตรคูณ


แต่วันนี้จะมาคุยกันถึงนิตยสารที่ให้ความรู้สำหรับเด็กชั้นประถม 2 ที่สำนักพิมพ์โชงะกุกังได้ตีพิมพ์ออกมาในชื่อว่า “Shogaku 2 (ni) nensei” ในปี 1925
นิตยสารสำหรับเด็กประถมนี้จะมีตั้งแต่ “Shogaku 1 (ichi) nensei (สำหรับเด็กป.1) ” จนถึง “Shogaku 6 (roku) nensei (สำหรับเด็กป.6)” ที่นักเรียนชั้นประถมสามารถอ่านและเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนาน เพราะว่าในหนังสือนี้จะประกอบไปด้วยอย่างเช่นการ์ตูนและเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งตอนที่ตีพิมพ์ออกมามากที่สุดนั้นมีถึง 5 ล้านเล่มเลยทีเดียว

แต่สมัยนี้พวกเด็กๆ เขาก็มีงานอดิเรกที่แตกต่างกันออกไปมากมาย จึงทำให้นิตยสารที่ตีพิมพ์ออกมามียอดขายไม่ค่อยจะดี ดังนั้นทางสำนักพิมพ์เลยออกมาประกาศยุติการตีพิมพ์นิตยสารไปทั้งหมด 4 ฉบับคือ “Shogaku 3 (san) nensei” ไปจนถึง “Shogaku 6 (roku) nensei” เมื่อก่อนหน้านี้

แต่แล้วนิตยสาร “Shogaku 2 (ni) nensei” ที่เคยพิมพ์ออกมามากที่สุดกว่า 1 ล้านเล่ม แล้วได้ลดจำนวนลงเหลือ 6 หมื่นเล่ม ก็ถึงเวลาที่ต้องออกมาประกาศยุติการพิมพ์ โดยนิตยสารฉบับนี้จะตีพิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายในเดือน ธ.ค.ปีนี้

ดังนั้น จากนิตยสารที่มีทั้งหมด 6 เล่ม ต่อจากนี้ไปก็จะเหลือแค่นิตยสาร “Shogaku 1 (ichi) nensei” เท่านั้น

แต่ทางสำนักพิมพ์โชงะกุกังก็ไม่ได้ย่อท้อ ยังคงคิดว่าจะตีพิมพ์นิตยสารเล่มใหม่สำหรับเด็กๆ ที่อยู่ชั้นประถมปีที่ 2-4 ต่อไป ก็ขอเป็นกำลังให้นะคะ
  

Posted by mod at 12:51Comments(0)

2016年10月06日

จุดชมวิวพิเศษ Tokyo Tower ปิดให้บริการชั่วคราว

เพื่อนๆ ที่ไปญี่ปุ่นคงมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมจุดชมวิว (大展望台- Daitenbodai) ของโตเกียวทาวเวอร์ที่มีความสูง 150 เมตรกันแล้วสินะคะ ซึ่งใน 1 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีที่แล้วได้มีคนเดินทางมาเที่ยวถึง 2 ล้าน 5 แสนคนเลยทีเดียว




แล้วสำหรับคนที่จะขึ้นไปจุดชมวิวพิเศษ(特別展望台-Tokubetsu Tenbodai) จะต้องใช้บันไดเลื่อนหรือไม่ก็บันไดที่อยู่เหนือจากจุดชมวิวธรรมดาขึ้นไปอีก 100 เมตร จึงทำไม่สะดวกสำหรับคนที่นั่งรถเข็น ดังนั้น บริษัท Tokyo Tower จึงได้ตัดสินใจที่จะสร้างลิฟต์ใหม่ระหว่างจุดชมวิวทั้ง 2 แห่ง




จึงจำเป็นต้องปิดจุดชมวิวพิเศษชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.นี้สำหรับการก่อสร้าง แล้วบริษัทเองก็มีกำหนดการที่จะเปิดจุดชมวิวพิเศษใหม่นี้ในฤดูร้อนปีหน้า สำหรับคนที่จะไปชมวิวที่จุดชมวิวพิเศษก็ต้องอดใจรออีกหน่อยนะคะ
  

Posted by mod at 19:22Comments(0)

2016年10月04日

การเปลี่ยนร้านดื่ม  はしご酒

お早う、火曜日。เห็นคนไทยชอบทักไลน์กันตอนเช้าว่า สวัสดีวันจันทร์บ้าง อังคารบ้าง ขอเลียนหน่อย แต่ขอทักเป็นภาษาญี่ปุ่นก็แล้วกัน
พวกเราเคยสงสัยมัยคะว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบไปดื่มกันนัก? 



ฉันก็เลยลองไปสืบดู มันก็มีเหตุผลหลายอย่างนะคะ อย่างเช่นว่าซื้อง่าย เพราะมีขายตามร้านสะดวกซื้อ หรือตามตู้กดต่างๆ แล้วญี่ปุ่นเองก็ช่างสรรค์หาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แปลกๆ ใหม่ๆ มาล่อตาล่อใจ ให้ชวนดื่ม อีกหนึ่งที่ฉันคิดว่าสำคัญมากทีเดียวคือคนญี่ปุ่นถือว่าการดื่มเป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่ง แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย เพราะพนักงานบริษัทจะต้องเลี้ยงรับรองลูกค้าก็ไม่พ้นต้องพาไปดื่ม นอกจากนั้นคนญี่ปุ่นเป็นชนชาติหนึ่งที่เรียกว่าจริงจังกับการทำงานมาก เคร่งเครียดกันมาก และถูกสอนให้เก็บความรู้สึก ต้องแสดงออกว่าต้องสุภาพ เรียบร้อย ใจเย็น เยิ้มแย้ม จึงไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกกับใครได้ง่ายๆ แต่พอเหล้าเข้าปาก ก็ทำมีความกล้ามากขึ้นและพูดระบายความรู้สึกที่คิดอยู่ในใจ เพื่อนร่วมงานจึงนิยมไปด้วยกันเพราะสามารถพูดคุยสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จึงน่าจะเป็นหนทางคลายเครียดได้




แล้วสังเกตมัยคะว่า คนญี่ปุ่นจะไม่นั่งดื่มที่เดียวแล้วจบกลับบ้าน เขามักจะมีการเปลี่ยนร้านดื่มหรือกินต่อไป พวกเขาจะลุกขึ้นตะโกนว่า “tsuki! Tsuki! (ต่อไป!) แล้วก็เดินออกจากร้านเดิมไปต่อร้านใหม่ พฤติกรรมนี้เขาเรียกกันว่า “はしご酒” (Hashigo zake)

[สำหรับคำว่า はしご นั้น แปลว่าบันได แต่ไม่ใช่บันไดที่เราเดินขึ้นตึกหรือขึ้นสถานีรถไฟฟ้านะคะ แต่มันคือบันไดลิงที่ไว้ปีน แล้วพอมาบวกกับคำว่า さけที่แปลว่าเหล้าหรือแอลกอฮอล์ ก็เลยกลายเป็นคำว่าไปดื่มต่อนั่นเอง



*เพราะฉะนั้น ถ้าจะเปลี่ยนร้านดื่ม อย่าลืมพกบันไดลิงไปด้วยนะคะ


นอกจากนั้นก็ยังมีคำอื่นๆ อีกที่มีคำว่า はしご อยู่ด้วย อย่างเช่น はしご車 ก็คือรถกระเช้าที่ไว้ช่วยคน เป็นต้น]



ว่าแต่ว่าเขาเบื่อนั่งร้านนั่นแล้วหรือ? ฉันเคยได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นพวกร้านเหล้าหรือที่เรารู้จักกันในชื่อที่เรียกกันว่า “居酒屋” (Izakaya) เขาจะมีกฎ “จำกัดเวลานั่ง 2 ชั่วโมง” อยู่ด้วย ซึ่งทางร้านให้เหตุผลของการมีระบบแบบนี้ว่า “เมื่อลูกค้านั่งอยู่เกิน 2ชั่วโมงไปแล้วจะสั่งอาหารและเครื่องดื่มน้อยลงทันที พูดตรงๆเลยก็คือ การเปลี่ยนให้ลูกค้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆจะช่วยทำให้ได้ยอดขายมากกว่า” นั่นเอง ถ้ามองในฐานะเจ้าของร้านก็น่าเห็นใจอยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเหตุผลแบบนี้หรือเปล่า คนญี่ปุ่นถึงเปลี่ยนร้านดื่ม




แล้วที่ตลกสำหรับฉันคือส่วนใหญ่การดื่มในค่ำคืนนั้นจะจบลงที่ร้านราเมง มันเป็นสูตรตายตัวหรือว่ายังไงกันนะ บางคนก็ให้เหตุผลว่ายังไม่อิ่ม บางคนก็บอกว่าอยากกินอะไรร้อนๆ ก็มีเหตุผลกันไปต่างๆ นานา แต่สำหรับเหตุผลที่อิงวิชาการหน่อยคือมันเป็นวิธีการสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ทำให้สร่างเมาได้เร็วขึ้น เพราะในราเมงที่คนญี่ปุ่นนิยมกินกัน จะมีส่วนประกอบของสารเคมีที่ใช้ทำลายแอลกอฮอล์ได้ถึง 3 ใน 4 เลยทีเดียว

อ้อ เข้าใจล่ะ
  

Posted by mod at 12:51Comments(0)

2016年10月03日

“Nezumi tori” (ネズミ取り) กำดักหนู

Happy Monday ค่ะ วันจันทร์ของทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้างคะ สดใส เบิกบาน พร้อมทำงานกันเต็มที่นะคะ
สำหรับฉัน พร้อมมากค่ะ ที่ว่าพร้อมคือพร้อมที่จะเม้าส์คะ

พอพูดถึงคำว่า “เม้าส์” ก็อดคิดไปถึงเจ้าหนูที่ร้องจี๊ดๆ ไม่ได้ เพื่อนๆ ว่ามัยคะว่าเดี๋ยวนี้หนูตัวใหญ่มากเลย วันก่อนมันวิ่งตัดหน้าฉันในตลาด ตกใจมากเลยค่ะ หนูนี่มันวิ่งเร็วมากเลยนะคะ จับก็ยาก ต้องล่อให้มาติดกับดัก




งั้นวันนี้เรามาเรียนรู้คำว่า “กำดักหนู” ในภาษาญี่ปุ่นกันนะคะ เขาเรียกว่า “Nezumi tori” (ネズミ取り) ความหมายตรงตัวเลยนะคะ
Nezumi ก็หนู Tori ก็แปลว่าจับ




นอกจาก Nezumi tori จะแปลว่ากำดักหนูแล้วนะคะ ยังใช้ในสำนวนการตรวจจับความเร็วเกินกำหนดด้วยนะคะ เพื่อนๆ ที่ขับรถเคยโดนตรวจจับความเร็วเกินมัยคะ ฉันเคยโดนไปทีนึง เพราะว่ารีบแล้วก็เห็นว่าถนนมันโล่ง ไม่คิดว่าจะโดนกล้องจับได้ แล้วบางครั้งตำรวจก็ชอบซุ่มจับในที่ที่เรามองไม่เห็นเสียด้วยนะคะ

ไม่ใช่แต่ตำรวจไทยนะคะที่ซุ่มตรวจจับความเร็ว ที่ญี่ปุ่นก็มีเหมือนกันนะคะ เอาภาพมาให้ดูกัน



  

Posted by mod at 14:41Comments(0)