› 日本が好き › 2016年09月
2016年09月30日
午前様 กลับบ้านหลังเที่ยงคืน
สวัสดีค่ะ สัปดาห์นี้สอนเกี่ยวกับเรื่องเวลา ในการบอกเวลานั้นก็จะมีการบอกว่าช่วงเช้า คือ AM และช่วงบ่าย คือ PM เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดหรือสับสนเรื่องของเวลา เช่นบอกว่า วันนี้ประชุม 7.00 น.นะ แล้วมัน 7 โมงเช้า หรือ 1 ทุ่มกันล่ะ? จึงมีการใส่ AM คือ 午前(Gozen) หรือ PM คือ 午後(Gogo) เข้าไปด้านหน้าตัวเลขเพื่อบ่งชี้ให้แน่ชัดนั่นเอง
แต่วันนี้ไม่ได้จะมาคุยเรื่อง AM หรือ PM ตรงๆ หรอกนะคะ เมื่อวันก่อนไปเจอคำว่า “午前様” (gozen sama)ในหนังสือเล่มหนึ่ง ก็เลยสงสัยว่ามีความหมายว่าอะไร? ปกติคำว่า “午前” (gozen) คือ AM แล้วคำว่า “様” (sama) ที่เจอกันบ่อยๆ ก็เป็นคำใช้ต่อท้ายชื่อคนเพื่อเรียกว่า “คุณ…” อย่างสุภาพ เมื่อ 2 คำนี้มารวมกัน จึงมีความหมายว่า คนที่กลับบ้านเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ซึ่งเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว ก็เลยเรียกกันแบบนั้น ส่วนสาเหตุการกลับบ้านเลยเที่ยงคืนมีทั้งคนที่ต้องทำงานหนัก หรือบางคนก็ไปดื่ม หรือไปเที่ยวก็ได้
ตัวอย่างเช่น “今日も午前様です。” (Kyo mo gozensama desu.) วันนี้ก็กลับบ้านหลังเที่ยงคืนอีกแล้ว
สำหรับพวกพนักงานญี่ปุ่นหรือ Japanese Salaryman มักจะเป็นแบบนี้กันบ่อยนะคะ เพราะพวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อมีผลงานที่โดดเด่น
แต่คำว่า “午前様” (gozen sama) จะต่างกับคำว่า “朝帰り” (Asa Kaeri) นะคะ เพราะว่าคำว่า “朝帰り” คือกลับบ้านเช้าอีกวันเลย โดยไปค้างคืนนอกบ้าน ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน
สภาพตอนแอบย่องเข้าบ้านตอนเช้า
พวกเราเป็นพวกไหนกันคะ “午前様” (gozen sama) หรือ “朝帰り” (Asa kaeri)?
แต่ก็มีบางคนนะคะ ที่เป็นแบบพวก “定時ダッシュ” (Teiji Dasshu) คือกลับทันทีเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เป็นพวกตรงเวลานะคะ
คำว่า “定時” (Teiji)คือเวลาเลิกงาน ส่วนคำว่า “ダッシュ” (Dasshu) คือ Dash เป็นกริยาที่เรียกกันได้ว่า พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น พอถึงเวลาเลิกงานปั๊บ ก็พุ่งตัวออกจากออฟฟิสโดยเร็วนั่นเอง เห็นภาพตัวเองเมื่อตอนเป็นพนักงานออฟฟิสเลยค่ะ
แต่วันนี้ไม่ได้จะมาคุยเรื่อง AM หรือ PM ตรงๆ หรอกนะคะ เมื่อวันก่อนไปเจอคำว่า “午前様” (gozen sama)ในหนังสือเล่มหนึ่ง ก็เลยสงสัยว่ามีความหมายว่าอะไร? ปกติคำว่า “午前” (gozen) คือ AM แล้วคำว่า “様” (sama) ที่เจอกันบ่อยๆ ก็เป็นคำใช้ต่อท้ายชื่อคนเพื่อเรียกว่า “คุณ…” อย่างสุภาพ เมื่อ 2 คำนี้มารวมกัน จึงมีความหมายว่า คนที่กลับบ้านเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ซึ่งเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว ก็เลยเรียกกันแบบนั้น ส่วนสาเหตุการกลับบ้านเลยเที่ยงคืนมีทั้งคนที่ต้องทำงานหนัก หรือบางคนก็ไปดื่ม หรือไปเที่ยวก็ได้
ตัวอย่างเช่น “今日も午前様です。” (Kyo mo gozensama desu.) วันนี้ก็กลับบ้านหลังเที่ยงคืนอีกแล้ว
สำหรับพวกพนักงานญี่ปุ่นหรือ Japanese Salaryman มักจะเป็นแบบนี้กันบ่อยนะคะ เพราะพวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อมีผลงานที่โดดเด่น
แต่คำว่า “午前様” (gozen sama) จะต่างกับคำว่า “朝帰り” (Asa Kaeri) นะคะ เพราะว่าคำว่า “朝帰り” คือกลับบ้านเช้าอีกวันเลย โดยไปค้างคืนนอกบ้าน ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน
สภาพตอนแอบย่องเข้าบ้านตอนเช้า
พวกเราเป็นพวกไหนกันคะ “午前様” (gozen sama) หรือ “朝帰り” (Asa kaeri)?
แต่ก็มีบางคนนะคะ ที่เป็นแบบพวก “定時ダッシュ” (Teiji Dasshu) คือกลับทันทีเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เป็นพวกตรงเวลานะคะ
คำว่า “定時” (Teiji)คือเวลาเลิกงาน ส่วนคำว่า “ダッシュ” (Dasshu) คือ Dash เป็นกริยาที่เรียกกันได้ว่า พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น พอถึงเวลาเลิกงานปั๊บ ก็พุ่งตัวออกจากออฟฟิสโดยเร็วนั่นเอง เห็นภาพตัวเองเมื่อตอนเป็นพนักงานออฟฟิสเลยค่ะ
Posted by mod at
17:02
│Comments(0)
2016年09月27日
大人買い ช้อปแหลก
สวัสดีค่ะ เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (先週の週末 Senshu no Shumatsu) ไปเดินเล่นแถวๆ Fuji Supermarket มาค่ะ ฉันเป็นคนที่เห็นขนมญี่ปุ่นสีสันสดใส น่ารัก น่ากินไม่ได้เลยค่ะ เรียกว่าหยิบใส่ตระกร้าใหญ่เลย มีกี่รสชาติออกใหม่ เป็นต้องลองให้รู้ ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนฉันบ้างรึเปล่า เงินที่หามาได้จากการทำงานก็หมดไปกับขนมพวกนี้แหละคะ การซื้อขนมทีละเยอะๆ แบบนี้ เขาเรียกกันว่า “大人買い” (Otonagai)
คำว่า “大人” = otona = ผู้ใหญ่
“買い” = kai = การซื้อ (買う = kau = ซื้อ)
แล้วก็นำ 2 คำว่าผสมกัน เกิดขึ้นเป็นคำว่า “大人買い ”= otona gai
คือการซื้อของทีละมากๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นขนม หนังสือการ์ตูน ตัวต่อฟิกเกอร์ เครื่องเขียน เป็นต้น การซื้อของเล่นหรือของกินที่ผลิตมาสำหรับเด็กคราวละมากๆ แบบนี้ เขาว่ากันว่ามีสาเหตุมากจากต้องการชดเชยความเสียใจที่ไม่ได้รับในวัยเด็ก พอโตมามีกำลังซื้อ ก็เลยอยากทำความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงสักครั้ง
สำหรับฉันก็ว่ามีส่วนถูกอยู่นะคะ แล้วก็บวกกับความชอบด้วย ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ 大人買い สิ่งที่ฉันเห็นไม่ได้แล้วต้องซื้อคือขนมญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น เครื่องเขียน สติกเกอร์ค่ะ จะต้อง 大人買いしちゃった!(Otonagai shichatta!) เผลอซื้อเยอะแยะทุกทีเลย
นอกจากคำว่า 大人買い(Otonagai)แล้ว ยังมีคำที่มีความหมายคล้ายๆ แบบนี้อีกคือ
まとめ買い = matome gai
箱買い=hagogai
カートン買い=Ka-tongai
ケース買い=Ke-sugai
คำด้านบนเหล่านี้จะเป็นการซื้อของคราวละมากๆ อย่างเช่นซื้อของยกลัง ซื้อของยกโหลเป็นต้น
แต่สำหรับฉันคำว่า 大人買い = otonagai จะเป็นการซื้อของราคาถูกหรือพวกของแหนมแนมเสียมากกว่า
คำว่า “大人” = otona = ผู้ใหญ่
“買い” = kai = การซื้อ (買う = kau = ซื้อ)
แล้วก็นำ 2 คำว่าผสมกัน เกิดขึ้นเป็นคำว่า “大人買い ”= otona gai
คือการซื้อของทีละมากๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นขนม หนังสือการ์ตูน ตัวต่อฟิกเกอร์ เครื่องเขียน เป็นต้น การซื้อของเล่นหรือของกินที่ผลิตมาสำหรับเด็กคราวละมากๆ แบบนี้ เขาว่ากันว่ามีสาเหตุมากจากต้องการชดเชยความเสียใจที่ไม่ได้รับในวัยเด็ก พอโตมามีกำลังซื้อ ก็เลยอยากทำความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงสักครั้ง
สำหรับฉันก็ว่ามีส่วนถูกอยู่นะคะ แล้วก็บวกกับความชอบด้วย ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ 大人買い สิ่งที่ฉันเห็นไม่ได้แล้วต้องซื้อคือขนมญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น เครื่องเขียน สติกเกอร์ค่ะ จะต้อง 大人買いしちゃった!(Otonagai shichatta!) เผลอซื้อเยอะแยะทุกทีเลย
นอกจากคำว่า 大人買い(Otonagai)แล้ว ยังมีคำที่มีความหมายคล้ายๆ แบบนี้อีกคือ
まとめ買い = matome gai
箱買い=hagogai
カートン買い=Ka-tongai
ケース買い=Ke-sugai
คำด้านบนเหล่านี้จะเป็นการซื้อของคราวละมากๆ อย่างเช่นซื้อของยกลัง ซื้อของยกโหลเป็นต้น
แต่สำหรับฉันคำว่า 大人買い = otonagai จะเป็นการซื้อของราคาถูกหรือพวกของแหนมแนมเสียมากกว่า
Posted by mod at
12:02
│Comments(0)
2016年09月22日
ตู้คีบตุ๊กตา クレーンゲーム
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการไปญี่ปุ่นและมักพบเห็นกันทั่วไปก็คือตู้คีบตุ๊กตา ที่ภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า クレーンゲームหรือ ยูเอฟโอ แคชเชอร์ (UFO キャッチャー) ที่มีอยู่มากมายทั้งในเกมเซ็นเตอร์ ตามสถานี ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ตู้สีสันสดใสที่บรรจุพวกตุ๊กตาหรือของน่ารัก หรือขนมต่างๆ มันช่างล่อตาล่อใจเสียจริงๆ ทำให้เราอดที่จะเข้าไปยืนจดๆ จ้องดูไม่ได้ พอจ้องไปนานๆ ก็เหมือนโดนดูดวิญญาณให้เข้าไปหยอดเหรียญเล่นซะหน่อย ตู้คีบตุ๊กตาเหล่านี้ดูเหมือนง่ายนะ แต่พอเล่นเข้าจริงๆ ก็แอบยากอยู่ เราต้องใช้เทคนิคต่างๆ
วันนี้ไม่ได้มาเล่าวิธีการหรือเทคนิคใดๆ แต่ขอเล่าประสบการณ์ของนักเรียนที่เพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วมาเล่าให้ฟัง เธอน่ารักมาก
เธอมาเล่าให้ฟังว่าเธอไปคีบตุ๊กตาแล้วหย่อนลงในปล่องได้แล้ว แต่ตุ๊กตาไม่ออกมาเพราะว่าหูมันใหญ่
ลองนึกภาพเจ้าตัว Stitch ดูนะคะ หูมันใหญ่และกางมาก มันไปค้างตรงปล่อง เธอก็พยายามจะเอามันออกมานะ แต่หยิบออกมาไม่ได้ เธอกะจะอวดแฟนเธอที่เป็นคนญี่ปุ่น ก็เลยโทรไปเล่าให้ฟังว่าฉันเก่งมัย คีบตุ๊กตาตัวใหญ่ได้
พอเธอกลับมาที่โรงแรมในคืนนั้น เธอก็โทรคุยกับแฟนที่เป็นคนญี่ปุ่น แฟนถามว่าตกลงได้ตุ๊กตากลับมามัย เธอบอกไม่ได้ แฟนเธอก็เลยแอบต่อว่านิดนึง
มันค้างตรงปล่องแบบนั้นถือว่าเราคีบได้แล้ว ให้ไปแจ้งพนักงานให้เอาออกให้สิ เธอถึงกับเหวอไปเลย อ้าวนึกว่าการคีบได้มันต้องตกมาให้เราข้างล่างเท่านั้น พลาดอย่างแรง (ไม่ใช่ว่าเธอพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้นะคะ แต่เพราะความซื่อของเธอ)
วันต่อมาเธอก็ไปเที่ยวต่อ พอพบตู้คีบตุ๊กตา ก็เลยแวะไปดูเสียหน่อย เธอไปยืนดูคนญี่ปุ่นพยายามคีบตุ๊กตาตัวหนึ่ง แต่ใช้ความพยายามอยู่นานก็ไม่ได้เสียที น่าจะเสียเงินไปกว่าพันเยนแล้ว เมื่อญี่ปุ่นคนนั้นถอดใจเดินจากไป เธอเห็นโอกาสและมั่นใจว่าต้องคีบได้แน่นอน เธอก็เลยเอาเหรียญหยอดตู้เพื่อคีบตุ๊กตาตัวนั้น เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าอย่าเลย คนเมื่อกี้พยายามตั้งนานยังไม่ได้เลย แต่เธอเป็นเซียนในการคีบ เธอมั่นใจ แล้วก็ลงมือคีบ โดยเธอเลื่อนตัวคีบให้เลยตุ๊กตาตัวนั้นไป แล้วใช้ที่คีบปัดตุ๊กตาตัวนั้นตกลงมายังปล่อง แล้วเธอก็ได้ตุ๊กตาตัวนั้นกลับมาครอบครอง (เสียดายพลาด Stich ตัวใหญ่ไป เพราะว่าความซื่อและน่ารักของเธอ แต่เธอก็ได้ตัวเล็กมาด้วยความฉลาด) งงมัยเนี่ย สรุปว่าอย่างน้อยก็ได้ตุ๊กตาติดไม้ติดมือกลับมาประเทศไทย
เรื่องเล่าสนุกๆ แฝงความน่ารักของเธอ ของฝากสำหรับครูอย่างเรา どうもありがとう。
วันนี้ไม่ได้มาเล่าวิธีการหรือเทคนิคใดๆ แต่ขอเล่าประสบการณ์ของนักเรียนที่เพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วมาเล่าให้ฟัง เธอน่ารักมาก
เธอมาเล่าให้ฟังว่าเธอไปคีบตุ๊กตาแล้วหย่อนลงในปล่องได้แล้ว แต่ตุ๊กตาไม่ออกมาเพราะว่าหูมันใหญ่
ลองนึกภาพเจ้าตัว Stitch ดูนะคะ หูมันใหญ่และกางมาก มันไปค้างตรงปล่อง เธอก็พยายามจะเอามันออกมานะ แต่หยิบออกมาไม่ได้ เธอกะจะอวดแฟนเธอที่เป็นคนญี่ปุ่น ก็เลยโทรไปเล่าให้ฟังว่าฉันเก่งมัย คีบตุ๊กตาตัวใหญ่ได้
พอเธอกลับมาที่โรงแรมในคืนนั้น เธอก็โทรคุยกับแฟนที่เป็นคนญี่ปุ่น แฟนถามว่าตกลงได้ตุ๊กตากลับมามัย เธอบอกไม่ได้ แฟนเธอก็เลยแอบต่อว่านิดนึง
มันค้างตรงปล่องแบบนั้นถือว่าเราคีบได้แล้ว ให้ไปแจ้งพนักงานให้เอาออกให้สิ เธอถึงกับเหวอไปเลย อ้าวนึกว่าการคีบได้มันต้องตกมาให้เราข้างล่างเท่านั้น พลาดอย่างแรง (ไม่ใช่ว่าเธอพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้นะคะ แต่เพราะความซื่อของเธอ)
วันต่อมาเธอก็ไปเที่ยวต่อ พอพบตู้คีบตุ๊กตา ก็เลยแวะไปดูเสียหน่อย เธอไปยืนดูคนญี่ปุ่นพยายามคีบตุ๊กตาตัวหนึ่ง แต่ใช้ความพยายามอยู่นานก็ไม่ได้เสียที น่าจะเสียเงินไปกว่าพันเยนแล้ว เมื่อญี่ปุ่นคนนั้นถอดใจเดินจากไป เธอเห็นโอกาสและมั่นใจว่าต้องคีบได้แน่นอน เธอก็เลยเอาเหรียญหยอดตู้เพื่อคีบตุ๊กตาตัวนั้น เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าอย่าเลย คนเมื่อกี้พยายามตั้งนานยังไม่ได้เลย แต่เธอเป็นเซียนในการคีบ เธอมั่นใจ แล้วก็ลงมือคีบ โดยเธอเลื่อนตัวคีบให้เลยตุ๊กตาตัวนั้นไป แล้วใช้ที่คีบปัดตุ๊กตาตัวนั้นตกลงมายังปล่อง แล้วเธอก็ได้ตุ๊กตาตัวนั้นกลับมาครอบครอง (เสียดายพลาด Stich ตัวใหญ่ไป เพราะว่าความซื่อและน่ารักของเธอ แต่เธอก็ได้ตัวเล็กมาด้วยความฉลาด) งงมัยเนี่ย สรุปว่าอย่างน้อยก็ได้ตุ๊กตาติดไม้ติดมือกลับมาประเทศไทย
เรื่องเล่าสนุกๆ แฝงความน่ารักของเธอ ของฝากสำหรับครูอย่างเรา どうもありがとう。
Posted by mod at
17:30
│Comments(0)
2016年09月20日
ท้องก่อนแต่ง できちゃった結婚
ช่วงนี้มีข่าวดาราออกมาเยอะมากที่แต่งงานกันสายฟ้าแล่บ แล้วพอมีข่าวอย่างนี้ออกมาก็มีคนอดเม้าส์กันไม่ได้ว่า “เอ๋.....หรือว่าเขาจะ......” คำที่อยู่ในช่องประนั่นก็คือ “ท้องก่อนแต่ง” แต่วันนี้ไม่ได้จะมาวิจารณ์หรือออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น แค่มันจุดประกายความคิดว่า แล้วภาษาญี่ปุ่นเขามีคำนี้หรือไม่ ก็ไปลองค้นดูก็พบคำว่า “できちゃった結婚” (Dekichatta Kekkon) หรือในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า “shotgun wedding”
คำว่า “できちゃった “ นั่นมาจากคำกริยา Dekimas hita ซึ่งแปลว่าเสร็จแล้ว และมาอยู่รวมกับสำนวน ~てしまう เป็นสำนวนแสดงความหมายเรื่องราวเสร็จสิ้นไปแล้ว หรือเกิดเรื่องที่ไม่ตรงกับความตั้งใจ ดังนั้นก็จึงออกมาในทำนองที่พอแปลได้ว่า “ทำไปเสร็จสิ้นแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ส่วนคำว่า 結婚 [Kekkon]แปลว่า “แต่งงาน”
จึงเป็นการแต่งงานแบบที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อนนั่นเอง แต่แต่งงานเพราะว่าฝ่ายหญิงท้องนั่นเอง
แล้วอย่างที่เราทราบกันดีว่า ภาษาญี่ปุ่นนั้นเขาก็ชอบที่จะย่อคำให้สั้นลง จึงเกิดเป็นคำพวกนี้ขึ้นมาคือ
できちゃった婚 [Dekichatta Kon]
หรือ でき婚 [Dekikon]
ถ้าเพื่อนๆ ไปเจอคำพวกนี้ คราวนี้เราก็จะไม่งงกันแล้วนะคะ
คำว่า “できちゃった “ นั่นมาจากคำกริยา Dekimas hita ซึ่งแปลว่าเสร็จแล้ว และมาอยู่รวมกับสำนวน ~てしまう เป็นสำนวนแสดงความหมายเรื่องราวเสร็จสิ้นไปแล้ว หรือเกิดเรื่องที่ไม่ตรงกับความตั้งใจ ดังนั้นก็จึงออกมาในทำนองที่พอแปลได้ว่า “ทำไปเสร็จสิ้นแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ส่วนคำว่า 結婚 [Kekkon]แปลว่า “แต่งงาน”
จึงเป็นการแต่งงานแบบที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อนนั่นเอง แต่แต่งงานเพราะว่าฝ่ายหญิงท้องนั่นเอง
แล้วอย่างที่เราทราบกันดีว่า ภาษาญี่ปุ่นนั้นเขาก็ชอบที่จะย่อคำให้สั้นลง จึงเกิดเป็นคำพวกนี้ขึ้นมาคือ
できちゃった婚 [Dekichatta Kon]
หรือ でき婚 [Dekikon]
ถ้าเพื่อนๆ ไปเจอคำพวกนี้ คราวนี้เราก็จะไม่งงกันแล้วนะคะ
Posted by mod at
12:19
│Comments(0)
2016年09月16日
ปลาซัมมะ ลดจำนวนลง
ทายกันสิว่า ปลาที่เห็นอยู่นี้คือปลาอะไรเอ่ย?
ถูกต้องแล้วค่ะ ปลาซัมมะนั่นเอง
ปลาซัมมะ
เป็นปลาทะเลตระกูลเดียวกับปลาซาบะ แต่มีขนาดตัวที่เล็กกว่า มีรูปร่างคล้ายดาบ เนื้อละเอียดกว่า ตัวกลมรียาว มีขายแบบแช่แข็ง นิยมนำมาแร่เอาแต่เนื้อปลาแล้วนำไปย่างเกลือ หรือย่างซีอิ้ว
แล้วก็ในเดือนกันยายนนี้ ปลาซัมมะยังเป็นปลาที่ถือว่ามีประโยชน์ทางโภชนาการอีกชนิดหนึ่งด้วย “ปลาซัมมะ” (Sanma) ถือว่าเป็นปลาสุดฮิตในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นเลย
แล้วทำไมคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง?
นั่นก็เพราะว่าเป็นช่วงที่ปลาจะสะสมไขมันไว้เพื่อใช้ในช่วงฤดูหนาว จึงทำให้มีเนื้ออ้วนแน่น ละเอียดน่าทาน นิยมรับประทานแบบย่างสุก โดยนำไปย่างเกลือหรือไม่ก็ซีอิ๊ว
แต่ในปีนี้ ปลาซัมมะใกล้ๆ กับญี่ปุ่นมีจำนวนน้อยลง เนื่องมาจากสาเหตุที่ว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลใกล้ๆ ญี่ปุ่นสูงขึ้น และมีเรือประมงต่างชาติมาจับปลาซัมมะมากขึ้นด้วย จึงทำให้เรือประมงของญี่ปุ่นจำเป็นต้องออกเรือไปจับปลาซัมมะไกลกว่าเดิมถึง 3 เท่า แถมปีนี้มีไต้ฝุ่นด้วยจึงทำให้เรือประมงออกเรือไปได้แค่ 5 เที่ยวเท่านั้น ปีนี้จึงมีปลาซัมมะในตลอดลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วถึง 1 เท่าตัวเลยทีเดียว
ถูกต้องแล้วค่ะ ปลาซัมมะนั่นเอง
ปลาซัมมะ
เป็นปลาทะเลตระกูลเดียวกับปลาซาบะ แต่มีขนาดตัวที่เล็กกว่า มีรูปร่างคล้ายดาบ เนื้อละเอียดกว่า ตัวกลมรียาว มีขายแบบแช่แข็ง นิยมนำมาแร่เอาแต่เนื้อปลาแล้วนำไปย่างเกลือ หรือย่างซีอิ้ว
แล้วก็ในเดือนกันยายนนี้ ปลาซัมมะยังเป็นปลาที่ถือว่ามีประโยชน์ทางโภชนาการอีกชนิดหนึ่งด้วย “ปลาซัมมะ” (Sanma) ถือว่าเป็นปลาสุดฮิตในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นเลย
แล้วทำไมคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง?
นั่นก็เพราะว่าเป็นช่วงที่ปลาจะสะสมไขมันไว้เพื่อใช้ในช่วงฤดูหนาว จึงทำให้มีเนื้ออ้วนแน่น ละเอียดน่าทาน นิยมรับประทานแบบย่างสุก โดยนำไปย่างเกลือหรือไม่ก็ซีอิ๊ว
แต่ในปีนี้ ปลาซัมมะใกล้ๆ กับญี่ปุ่นมีจำนวนน้อยลง เนื่องมาจากสาเหตุที่ว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลใกล้ๆ ญี่ปุ่นสูงขึ้น และมีเรือประมงต่างชาติมาจับปลาซัมมะมากขึ้นด้วย จึงทำให้เรือประมงของญี่ปุ่นจำเป็นต้องออกเรือไปจับปลาซัมมะไกลกว่าเดิมถึง 3 เท่า แถมปีนี้มีไต้ฝุ่นด้วยจึงทำให้เรือประมงออกเรือไปได้แค่ 5 เที่ยวเท่านั้น ปีนี้จึงมีปลาซัมมะในตลอดลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วถึง 1 เท่าตัวเลยทีเดียว
Posted by mod at
19:50
│Comments(0)
2016年09月15日
รณรงค์ห้ามเดินกินในย่านอาซากะสะ
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ถ้าเราไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างน้อยเราจะต้องแวะไปแถวย่านอาซากุสะ เพราะว่าย่านอาซากุสะของโตเกียวเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวกันอย่างมากมายด้วย แล้วก็มีบางคนที่มาเดินเที่ยวในย่านแหล่งขายสินค้าของอาซากุสะ แล้วซื้ออย่างเช่นซอฟครีมหรือดังโกะจากร้าน แล้วเดินทานไปด้วย พอมาชมสินค้าในร้านก็ใช้มือที่เปี้อนจับสินค้า
ดังนั้น ในย่านแหล่งขายสินค้าจึงเขียนข้อความ “กรุณาอย่าเดินและทานอาหารไปด้วย” เป็นภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษและภาษาจีนลงบนรูปภาพยักษ์ขนาดความสูง 1 เมตรแล้วตั้งไว้บนถนนตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
แหล่งขายอาหาร
ดังโกะหวานเยิ้มน่ากิน
ซอฟครีม หวานเย็นชื่นใจ
แล้วก็มีการแจกจ่ายใบปลิวที่เขียนข้อความเช่นเดียวกันให้กับคนที่มาเที่ยวที่ย่านอาซากุสะด้วย นอกจากนั้นก็ยังจัดตั้งสถานที่ที่สามารถนั่งทานอาหารไว้ให้ด้วย
พวกคนที่อยู่ในย่านค้าขายได้กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกเดือดร้อนใจมากเพราะว่าไม่สามารถขายสินค้าที่เปื้อนได้ ก็เลยอย่าขอร้องให้ทานอาหารให้เสร็จที่ด้านหน้าร้านที่ซื้ออาหารเสียก่อน แล้วค่อยมาเดินช้อปปิ้ง”
ขอบคุณข้อมูลจาก NHK News
ดังนั้น ในย่านแหล่งขายสินค้าจึงเขียนข้อความ “กรุณาอย่าเดินและทานอาหารไปด้วย” เป็นภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษและภาษาจีนลงบนรูปภาพยักษ์ขนาดความสูง 1 เมตรแล้วตั้งไว้บนถนนตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
แหล่งขายอาหาร
ดังโกะหวานเยิ้มน่ากิน
ซอฟครีม หวานเย็นชื่นใจ
แล้วก็มีการแจกจ่ายใบปลิวที่เขียนข้อความเช่นเดียวกันให้กับคนที่มาเที่ยวที่ย่านอาซากุสะด้วย นอกจากนั้นก็ยังจัดตั้งสถานที่ที่สามารถนั่งทานอาหารไว้ให้ด้วย
พวกคนที่อยู่ในย่านค้าขายได้กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกเดือดร้อนใจมากเพราะว่าไม่สามารถขายสินค้าที่เปื้อนได้ ก็เลยอย่าขอร้องให้ทานอาหารให้เสร็จที่ด้านหน้าร้านที่ซื้ออาหารเสียก่อน แล้วค่อยมาเดินช้อปปิ้ง”
ขอบคุณข้อมูลจาก NHK News
Posted by mod at
17:49
│Comments(0)
2016年09月06日
อวสาน "Kochikame" คุณตำรวจป้อมยาม
การ์ตูนเรื่อง “こちら葛飾区亀有公園前派出所 (Kochira Katsushika-ku Kameari Kōen Mae Hashutsujo) หรือเรียกสั้นๆว่า Kochikame โดยมีชื่อภาษาไทยว่า “คุณตำรวจป้อมยาม” เป็นการ์ตูนแนวตลก แต่งโดยคุณ โอซามุ อาคิโมโตะ และได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสารรายสัปดาห์ โชเน็งจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวการผจญภัยในแต่ละวันของตำรวจป้อมยามวัยกลางคนที่มีชื่อว่า “เรียวซึ คังคิจิ” การ์ตูนเรื่องนี้ได้เริ่มต้นตีพิมพ์มาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2519 แล้วก็ได้ตีพิมพ์ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้โดยไม่มีการหยุดพักเลย
ขอแทรกข้อมูลเกี่ยวกับ Koban นิดนึงค่ะ
交番 (こうばん Koban) ตำรวจป้อมยาม
ป้อมตำรวจชุมชน Koban เดิมมีชื่อเรียกว่า “Hashutsujo” แต่มีชื่อเรียกง่ายๆเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “Koban” แล้วพาหนะคู่ใจของตำรวจป้อมยามก็คือจักรยาน เพราะว่าสะดวก ง่ายต่อการซ่อมบำรุง ต้นทุนต่ำกว่า ไม่ต้องใช้น้ำมันช่วยลดมลภาวะ เพิ่มกล้ามเนื้อแข้งขา หัวใจแข็งแรง
เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจตรา สอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อย ให้บริการประชาชนโดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนผู้พักอาศัย สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและตรวจเยี่ยมชุมชนเพื่อการสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด มีทั้งการให้ข้อมูลและแจกจ่ายเอกสารข้อมูลอาชญากรรมต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมนอกเวลางานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้แก่ เยาวชนและชุมชนในเรื่องต่างๆ ที่เหมาะสม
เราจะเห็นว่าตำรวจญี่ปุ่นพบปะกับประชาชนอย่างใกล้ชิดทุกวัน ตำรวจญี่ปุ่นไม่ได้แยกตัวออกจากประชาชนแต่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง แล้วตำรวจญี่ปุ่นก็มุ่งเน้นไปที่การช่วยชุมชนในการแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาเล็กๆเรื่องหนึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่และบานปลายไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมา
ที่นี่ก็กลับมาเรื่องการ์ตูนกันนะคะ
แต่แล้วคุณอาคิโมโตะก็ได้ลงตอนจบของเรื่องนี้ในนิตยสารที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 17 ก.ย.นี้แล้ว เรื่อง “คุณตำรวจป้อมยาม”ได้ลงในหนังสือมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นฉบับที่ 199 แล้วก็ได้วางจำหน่ายมามากกว่า 150 ล้านเล่มแล้ว โดยเล่มที่ 200 ที่จะวางแผงในวันที่ 17 ก.ย.นี้ก็เป็นตอนจบแล้วด้วย
คุณอาคิโมโตะได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “คิดว่าการอวสานหรือการบอกลากันในเล่มที่ 200 และเป็นการเฉลิมฉลองปีที่ 40 นั้นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเหม็งมาก ก็เลยตัดสินใจเขียนตอนจบ แล้วก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการตอบรับและติดตามอ่านกันมายาวนานขนาดนี้” แล้วดูเหมือนว่าคุณอาคิโมโตะเองก็กำลังคิดที่จะเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ต่อไปอยู่
นอกจากเป็นการ์ตูนชื่อดังแล้วก็ยังทำเป็นอนิเมะ และถูกดัดแปลงเป็นละครซีรีย์ และภาพยนตร์ที่มีคนแสดงด้วย โดยคาดว่า ชินโง คาโทริ สมาชิกของ SMAP ยังคงมารับบทเป็นเรียวซัง ตำรวจจอมขี้เกียจ เช่นเดียวกับละครซีรีย์
การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวการผจญภัยในแต่ละวันของตำรวจป้อมยามวัยกลางคนที่มีชื่อว่า “เรียวซึ คังคิจิ” การ์ตูนเรื่องนี้ได้เริ่มต้นตีพิมพ์มาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2519 แล้วก็ได้ตีพิมพ์ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้โดยไม่มีการหยุดพักเลย
ขอแทรกข้อมูลเกี่ยวกับ Koban นิดนึงค่ะ
交番 (こうばん Koban) ตำรวจป้อมยาม
ป้อมตำรวจชุมชน Koban เดิมมีชื่อเรียกว่า “Hashutsujo” แต่มีชื่อเรียกง่ายๆเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “Koban” แล้วพาหนะคู่ใจของตำรวจป้อมยามก็คือจักรยาน เพราะว่าสะดวก ง่ายต่อการซ่อมบำรุง ต้นทุนต่ำกว่า ไม่ต้องใช้น้ำมันช่วยลดมลภาวะ เพิ่มกล้ามเนื้อแข้งขา หัวใจแข็งแรง
เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจตรา สอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อย ให้บริการประชาชนโดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนผู้พักอาศัย สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและตรวจเยี่ยมชุมชนเพื่อการสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด มีทั้งการให้ข้อมูลและแจกจ่ายเอกสารข้อมูลอาชญากรรมต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมนอกเวลางานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้แก่ เยาวชนและชุมชนในเรื่องต่างๆ ที่เหมาะสม
เราจะเห็นว่าตำรวจญี่ปุ่นพบปะกับประชาชนอย่างใกล้ชิดทุกวัน ตำรวจญี่ปุ่นไม่ได้แยกตัวออกจากประชาชนแต่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง แล้วตำรวจญี่ปุ่นก็มุ่งเน้นไปที่การช่วยชุมชนในการแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาเล็กๆเรื่องหนึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่และบานปลายไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมา
ที่นี่ก็กลับมาเรื่องการ์ตูนกันนะคะ
แต่แล้วคุณอาคิโมโตะก็ได้ลงตอนจบของเรื่องนี้ในนิตยสารที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 17 ก.ย.นี้แล้ว เรื่อง “คุณตำรวจป้อมยาม”ได้ลงในหนังสือมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นฉบับที่ 199 แล้วก็ได้วางจำหน่ายมามากกว่า 150 ล้านเล่มแล้ว โดยเล่มที่ 200 ที่จะวางแผงในวันที่ 17 ก.ย.นี้ก็เป็นตอนจบแล้วด้วย
คุณอาคิโมโตะได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “คิดว่าการอวสานหรือการบอกลากันในเล่มที่ 200 และเป็นการเฉลิมฉลองปีที่ 40 นั้นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเหม็งมาก ก็เลยตัดสินใจเขียนตอนจบ แล้วก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการตอบรับและติดตามอ่านกันมายาวนานขนาดนี้” แล้วดูเหมือนว่าคุณอาคิโมโตะเองก็กำลังคิดที่จะเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ต่อไปอยู่
นอกจากเป็นการ์ตูนชื่อดังแล้วก็ยังทำเป็นอนิเมะ และถูกดัดแปลงเป็นละครซีรีย์ และภาพยนตร์ที่มีคนแสดงด้วย โดยคาดว่า ชินโง คาโทริ สมาชิกของ SMAP ยังคงมารับบทเป็นเรียวซัง ตำรวจจอมขี้เกียจ เช่นเดียวกับละครซีรีย์
Posted by mod at
13:18
│Comments(0)