インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き › 2015年10月

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2015年10月15日

北海道の阿寒湖でわかさぎがたくさん取れている

ในช่วงเวลาตอนนี้ ราวๆ เดือนตุลาคมแบบนี้ ที่ญี่ปุ่นจะสามารถจับปลาที่ชื่อว่า “วะคะซางิ” ที่ทะเลสาบอะคันในเมือง Kushiro จังหวัด Hokkaido ได้เป็นจำนวนมาก




อย่างเมื่อตอนเช้าของวันที่ 13 ที่ผ่านมา เหล่าชาวประมงออกเรือไปกัน 2 ลำ พอยกอวนที่มีความยาวประมาณ 180 เมตรที่วางทิ้งไว้ในทะเลสาบขึ้นมา ในเรือก็เต็มไปด้วยปลาวะคะซะงิสีเงินเต็มไปหมดเลย

ตั้งแต่เดือนกันยายนของทุกปีจะเป็นช่วงฤดูกาลเริ่มต้นการจับปลาวะคะซะงิกันที่ทะเลสาบอะคัน ในปีนี้ก็เช่นกัน สามารถจับได้ถึงวันละ 1-1.5 ตัน ปลาวะคะซะงิตัวเล็กจะนิยมนำไปต้มซอส ส่วนปลาวะคะซะงิตัวใหญ่หน่อยจะนิยมนำไปทำเป็นเทมปุระแล้วทานกัน

เราจะสามารถตกปลาวะคะซะงิที่ทะเลสาบอะคันได้จนถึงต้นเดือนหน้านะคะ


แล้วนอกจากการจับปลาแบบชาวประมงแล้ว วันนี้เราจะพาไปเที่ยวชมกิจกรรมการตกปลากัน






ถ้าพูดถึงฤดูหนาวกับกิจกรรมการตกปลา ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงการตกปลาวะคะซะงิที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง โดยเฉพาะที่ทะเลสาบอะคัน ในฮอคไกโดแล้วล่ะก็ ดูจะเป็นกิจกรรมสุดโปรดกันเลยทีเดียว เพราะว่าจะมีปลาวะคะซะงิชุกชุมมาก




ปลาวะคะซะงิ (ワカサギ) จะเป็นปลาขนาดเล็กที่มีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษในฤดูหนาว เมื่อนำเหยื่อหรือหนอนตัวเล็กๆ (ที่มัก ย้อมให้เป็นสีสดๆ) ติดกับเบ็ดแล้วหย่อนลงไปในรูน้ำแข็งที่เจาะไว้กลมๆ ไม่ต้องรอนานเลยค่ะ ปลาวะคะซะงิก็จะติดเบ็ดแสนง่ายดาย บางทีติดขึ้นมาคราวละ 5-6 ตัวเลยที เดียว สำหรับปลาวะคะซะงิตัวเล็กๆ จะนิยมนำไปต้มกับซอส ส่วนปลาตัวใหญ่จะนิยมนำไปทำเป็นเทมปุระทานกันค่ะ แถมใกล้ๆ ที่ตกปลาก็ยังมีร้านที่คอยบริการทอดให้ด้วยนะคะ




การตกปลาวะคะซะงิ (ワカサギ釣り) นั้นมีบริการอยู่ 2 ประเภทคือ
1.บริการตกปลาในธรรมชาติ ค่าบริการเซ็ทละ 1,500 เยน (รวมค่า อุปกรณ์และเหยื่อ) เริ่มตั้งแต่ 8.00 น.-พระอาทิตย์ตกดิน *รวมค่า บริการทอดปลาที่ตกได้เป็นเท็มปุระ การตกปลาในธรรมชาติจะให้บรรยากาศดีกว่าตรงที่การเจาะทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็งให้เป็นรูในสภาพอากาศที่หนาวเย็น แล้วค่อยๆ ใช้เชือกและตะขอเกี่ยวเหยื่อแล้วหย่อนลงไปในรูเพื่อรอจนกว่าปลามาติดเบ็ด เป็นประสบการณ์ที่น่าลิ้มลองมาก







2.บริการตกปลาในบ่อ (แบบนี้เป็นที่นิยมของผู้หญิงและเด็กเพราะ ในบ่อมีปลาเยอะ ตกได้ง่ายกว่า) ค่าบริการ 30 นาที 600 เยน *ปลาที่ตกได้ต้องเสียค่าทอดทำเป็นเท็มปุระเอง

หลังจากน้ำแข็งในทะเลสาบละลายกลายเป็นน้ำหมดแล้ว ฤดูกาลแห่งความอบอุ่นและสนุก สนานก็ได้เข้ามาแทนที่ ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้น ไป อะคันเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของกิจกรรมในทะเลสาบ อาทิ การตกปลาเทร้าท์ ชมสาหร่าย มะริโมะ พายเรือแคนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่องเรือเฟอร์รี่ชมทัศนียภาพของทะเลสาบนั้นได้ รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างมาก



  

Posted by mod at 20:19Comments(0)

2015年10月14日

「スター・ウォーズ」 砂の像が完成

วันนี้เราจะไปเที่ยวจังหวัดทตโตะริกันนะคะ

จังหวัดทตโตะริ เป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคชิโงะกุ มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองทตโตะริ ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิสงคราม และ เมืองปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขตซันอินในยุคสมัยเอโดะ




ทิศเหนือ เป็นชายฝั่งทะเลที่ยาวจรดทางตะวันออกเหมาะกับการหาปลา ดำน้ำ ชมอาทิตย์อัสดงสวยงาม
ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดเฮียวโก (Hyogo) มีเมืองโทตโทริอยู่ใกล้ชายทะเล และ มีน้ำตกอะเมะดะคิ
ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดชิมะเนะ มีเมืองโยนะโกะเป็นศูนย์กลางริมทะเล มีภูเขาและบ่อน้ำแร่มากมาย
ทิศใต้ เป็นที่ราบสูง ติดกับจังหวัดโอคะยะมะ ที่บ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง

การเดินทาง จากสถานีโอซะกะโดยสารรถไฟด่วนขบวน Super Hakuto สาย Chizu Kyuko Line ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ลงที่สถานี JR Tottori

วันนี้เราจะพาไปเที่ยวกันบริเวณนอกเมืองที่มีเนินทรายธรรมชาติ (Sand Dunes) เป็นที่เกิดจากเถ้า ภูเขาไฟไดเซน (Mt.Daisen) ที่ตั้งอยู่ใกล้ แม่น้ำเซนได (Sendaigawa) ถูกลมจากทะเลพัดมารวมกองเป็นเวลานานนับแสนปี จนกลายเป็นเนินกว้างจากเหนือจรดใต้เป็นระยะทาง 2 ก.ม.และเป็นระยะทางยาวจากตะวันออกจรดตะวันตก 16 ก.ม. ถูกจัดเป็นเนินทรายสวยที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเขตอุทยานชายทะเลแห่งชาติซันอิน (San-in Kaigan National Park)



พื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจะอยู่ระหว่างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและทะเลญี่ปุ่น แต่ละยอดของเนินทรายก็จะมองเห็นมุมมองของวิวชายฝั่งทะเลที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปในเกือบทุกทิศทางอื่นๆเพื่อสำรวจความกว้างใหญ่ของทรายที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น ขี่อูฐ หรือนั่งเกวียนที่ลากด้วยม้าเพื่อชมรอบๆเนินทราย หากต้องการผจญภัยแบบตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยก็อาจจะลองร่อนร่ม(paragliding) หรือ กระดานทราย(sandboarding) ซึ่งมีให้บริการ การชมทิวทัศน์ที่กว้างไกลของเนินทรายนั้นสามารถขึ้นไปชมจุดดาดฟ้าชมวิวที่ศูนย์ซาคิว(Sakyu Center)ได้




ห่างออกไปจากพื้นที่เนินทรายจะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประติมากรรมทรายขนาดใหญ่สร้างโดยศิลปินจากทั่วโลก ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดนิทรรศการทรายชั่วคราวที่กลางแจ้ง แต่ในปี 2012 พิพิธภัณฑ์ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในอาคารถาวร นิทรรศการจะสลับสับเปลี่ยนไปทุกๆปี ในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนมกราคม นิทรรศการในแต่ละปีก็จะมีธีมงานเป็นภูมิภาค หรือประเทศอื่นๆ ที่แตกต่างกัน

แต่วันนี้เราจะพาไปชมผลงานประติมากรรมทราย จากภาพยนตร์เรื่อง Star War กันนะคะ



[Star War] นับว่าเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่โด่งดังไปทั่วโลก แล้วในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ภาพยนตร์ภาคใหม่ล่าสุดก็จะเริ่มฉายแล้ว ซึ่งเป็นภาคต่อที่ห่างกับภาคที่แล้วถึง 10 ปีทีเดียว แต่ว่าในตอนนี้ ศิลปินปั้นทรายชาวญี่ปุ่น คัตสุฮิโกะ ชาเอนได้ลงมือสร้างสรรค์ประติมากรรมทรายรูปสตาร์วอร์สเพื่อต้อนรับภาคล่าสุด The Force Awaken ที่จะเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ประติมากรรมที่สร้างขึ้นจากทรายก็มีอย่างเช่นหุ่นยนต์ขวัญใจผู้ชมคือ ซี-3 พีโอ และอาร์ 2-ดี 2 และยานต่างๆ ในหนัง ได้แก่ ยานเอ็กซ์-วิง และมิลเลนเนียม ฟอลคอน. ผลงานของเขาแสดงอยู่ที่เมืองทตโตะริทางตะวันตกของประเทศ






แล้วในวันที่ 8 ที่ผ่านมา เขาก็ได้ออกมากล่าวทักทายว่า [อยากจะให้ทุกคนที่เป็นแฟนภาพยนตร์ทั่วโลกได้ดูสตาร์วอร์ในรูปแบบที่สร้างขึ้นมาด้วยทรายกันบ้าง] ในการสร้างสรรค์ครั้งนี้เขาต้องใช้ทรายถึง 160 ตัน เพื่อสร้างผลงานที่มีความสูง 11.15 ฟุต ยาว 22.4 เมตร และกว้าง 13.78 เมตร โดยประติมากรรมนี้จะเปิดแสดงตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.ไปจนถึงสิ้นปี

นอกจากนี้ก็ยังมีแฟนๆ ภาพยนตร์จำนวนมากที่แต่งชุดเดียวกับคนที่แสดงในภาพยนตร์มาร่วมชมในสถานที่จัดงานด้วย ส่วนเหล่าชายหนุ่มที่มาชมงานต่างก็พูดกันว่า [รู้สึกดีใจมากๆ เลยที่สามารถดูประติมากรรมทรายจากเรื่องสตาร์วอส์ได้ในสถานที่ที่เกือบจะอยู่ติดกับเนินทรายทตโตริที่แสนกว้างไกล]

ถ้าเพื่อนๆ คนไหนได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ก็อย่าลืมไปเยี่ยมชมประติมากรรมทรายนี้ด้วยนะคะ


  

Posted by mod at 20:04Comments(0)

2015年10月13日

「ワンピース」の歌舞伎公演始まる

คณะคาบูกิชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นนำเนื้อเรื่องของการ์ตูนชื่อดัง One Piece มาจัดแสดงโชว์




คณะคาบูกิที่มีชื่อเสียงอย่าง Ichikawa ในประเทศญี่ปุ่น ได้จัดแสดงโชว์โดยนำการ์ตูนเรื่อง One Piece ที่โด่งดังไปทั่วโลกมาเป็นเนื้อเรื่องในการแสดงคาบูกิ [One Piece] เป็นการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่การที่ผู้วาดได้สร้างสรรค์ความฝันซึ่งต้องการผจญภัยพร้อมกับเหล่ามิตรแท้ในวัยเด็กของหลายๆ คนได้อย่างมีเสน่ห์ โดยระหว่างการผจญภัย ลูฟี่ที่เป็นโจรสลัดและผองเพื่อนต้องเจออุปสรรคในการพิสูจน์เพื่อนแท้มากมาย

เมื่อวันอังคารที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยภาพผู้ที่จะมาแสดงเป็น Luffy ตัวละครหลักในเรื่อง นั่นคือคุณเอ็นโนสุเกะ อิชิคาวะ นักแสดงคาบุกิชื่อดังวัย 39 ปี ซึ่งจะมาควบถึง 3 บท ได้แก่ลูฟี่, โบอา แฮนค็อก และแชงคูส ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ไม่บ่อยนักที่จะมีนักแสดงควบหลายบทเช่นนี้









ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ ได้แก่
•อิชิคาวะ อุคน – หนวดขาว
•อิชิคาวะ บันโดมิโนสุเกะ – โซโล, มิสเตอร์ทู, สควอโด้
•นากามุระ ฮายาโตะ – ซันจิ, อินาซุมะ
•อิชิคาวะ ชูเน็น – นามิ, ธันเดอร์โซเนีย
•อิชิคาวะ โคทาโร – ฮัตจัง, เซ็นโตมารุ
•อิชิคาวะ จูเอ็น – ปิซาร์โร
•อิชิคาวะ เอมิซาบุโร – ผู้เฒ่าเนียน
•อิชิคาวะ เอ็นยะ – จินเบย์, หนวดดำ
•อิชิคาวะ เอมิยะ – นิโคโรบิน, แมรีโกลด์
•อิชิคาวะ โอเมะโซ – แมกเจลเลน
•อิชิคาวะ มอนโนสุเกะ – พลเรือโทสึรุ
•ฟุคุชิ เซย์จิ – เอซ
•คาชิมะ โนริโทชิ – บรู๊ค, พลเรือเอกอาคะอินุ
•อาซาโนะ คาซุยุกิ – เรย์ลี่, อิวานคอฟ, จอมพลเซ็งโกคุ



โดยเนื้อเรื่องในชุดการแสดงโชว์นี้จะยึดเนื้อเรื่องในช่วงของมังงะเล่มที่ 51-60 ซึ่งเป็นช่วงที่ลูฟี่จะต้องไปช่วยชีวิตพี่ชายของเขาเอสจากการประหารชีวิต โดยเป็นการต่อสู้ของสองกลุ่มใหญ่อย่างรัฐบาลโลกและกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว แล้วที่พิเศษไปกว่านั้นคือตอนที่ลูฟี่ต่อสู้นั้น เขาจะทำอย่างไรให้เราเห็นว่าลูฟี่แขนยืดให้ยาวออกไปได้ด้วยการแสดงคาบุกิ ทำให้คนจำนวนมากต่างตั้งตารอชมกันอย่างล้นหลาม คุณเอ็นโนสุเกะจะจับแขนนักแสดงท่านอื่น แล้วทำให้เห็นราวกับว่าแขนได้ยืดยาวออกไปข้างหนึ่งด้วยการใช้แสงสีที่เก่งกาจมาก เพราะว่าคุณเอ็นโนสุเกะต้องรับบทบาทอื่นด้วย จึงใช้เทคนิคตั้งแต่สมัยก่อนในการเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็ว สำหรับละครคาบุกิแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ แล้วนักแสดงทุกคนก็จะร่วมกันร้องเพลงด้วยกัน คนที่ได้ดูแล้วจะรู้สึกสนุกสนานกับการแสดงละครที่นำการ์ตูนและคาบุกิมาหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วยังได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราวด้วย



โดยหัวหน้าคณะคาบูกิได้กล่าวว่าการที่เค้านำเรื่อง One Piece มาจัดแสดงในรูปแบบคาบูกินั่นเพื่ออยากให้เด็กหันมาสนใจการแสดงและรักษาศิลปะการแสดงนี้ไว้ไม่ให้สูญหาย และตัวเขาเองนั่นเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเนื้อเรื่องของ One Piece อยู่แล้วและได้ติดต่อไปทาง อาจารย์ โอดะ ว่าอยากจะนำเนื้อเรื่องมาจัดแสดงในรูปแบบของคาบูกิ ซึ่งทางอาจารย์โอดะก็ยินดีและวาด Poster ที่จะใช้ในการโปรโมตการจัดแสดงให้อีกด้วย

ซึ่งการแสดงโชว์นี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมไปจนถึง 25 พฤศจิกายนที่ Shinbashi Enbujo ย่าน Ginza เมือง Tokyo รวมรอบแสดงทั้งหมด 78 รอบ โดยบัตรพรีเซลจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.สำหรับรอบเดือนตุลาคมและ 20 ก.ย. สำหรับรอบเดือนพฤศจิกายน ราคาบัตรเริ่มต้นที่ 3,000 เยน (ประมาณ 850 บาท) แพงสุด 17,500 เยน (ประมาณ 4,900 บาท)

แหมอยากไปดูสักรอบจัง แต่จะรู้เรื่องหรือเปล่าน้า

  

Posted by mod at 20:01Comments(0)

2015年10月12日

福島・飯舘村 季節外れのひまわり咲く



นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุด้านพลังงานที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ หมายเลข I ในจังหวัดฟุกุชิมะเมื่อปี 2011 แม้ว่าจะผ่านมา 4 ปีแล้วก็ตาม แต่ว่าในหมู่บ้าน Iitate ของจังหวัด Fukushima นั้น ตอนนี้เองก็ยังไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติ

แม้ว่าในเขต Nimaibashi ของหมู่บ้าน Iitate จะทำการขจัดการเปื้อนของสารกัมมันตรังสีของที่นาประมาณ 2 เฮกเตอร์ (1 เฮกเตอร์ เท่ากับ 6 ไร่ 1 งาน) เสร็จเรียบร้อยไปแล้วก็ตาม แต่เพราะว่าไม่สามารถปลูกพืชผลทางเกษตรได้เป็นเวลานาน จึงทำให้สารอาหารที่อยู่ในดินของที่นานั้นหมดไป

ดังนั้นในฤดูร้อนปีนี้ พวกชาวนาก็เลยคิดกันว่าจะหว่านเมล็ดดอกทานตะวันลงในที่นาแล้วปลูกให้เจริญเติบโต พอหลังจากที่ดอกทานตะวันบานแล้วก็จะไถกลบไปพร้อมกับดิน เพื่อทำให้ที่นาได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น

ในตอนนี้ต้นทานตะวันก็สูงประมาณ 50 เซนติเมตรแล้ว ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ดอกทานตะวันก็ได้เบ่งบานสวยงาม พวกชาวนากล่าวกันว่า “ดอกทานตะวันทำให้ความรู้สึกของพวกเขารู้สึกสดชื่นขึ้น” หลังจากที่ดอกทานตะวันบานแล้ว พวกเขาก็จะไถ่กลบต้นทานตะวันไปพร้อมกับดินเพื่อฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม




ทำไมถึงต้องใช้ทานตะวันด้วย?

เนื่องจากในปี 1986 (พ.ศ.2529) จากเหตุวินาศภัยโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล ได้มีการนำดอกทานตะวันมาใช้เพื่อขจัดสารกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในดิน ที่ประเทศยูเครน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงใช้ดอกทานตะวันมากำจัดสารพิษในครั้งนี้ด้วย เพราะดอกทานตะวันจะดูดเอาสารซีเซียมเป็นสารอาหาร ซึ่งเป็นสารที่ปนเปื้อนในดิน (สารซีเซียมคล้ายกับโพแทสเซียม (kalium) เป็นสารอาหารพื้นฐานในปุ๋ยหากไม่มีโพแทสเซียมในดิน ดอกทานตะวันจะดูดเอาสารซีเซียมเป็นสารอาหารดอกทานตะวันจะดูดเอาสารซีเซียมเป็นสารอาหาร ซึ่งเป็นสารที่ปนเปื้อนในดิน (สารซีเซียมคล้ายกับโพแทสเซียม (kalium) เป็นสารอาหารพื้นฐานในปุ๋ยหากไม่มีโพแทสเซียมในดิน ดอกทานตะวันจะดูดเอาสารซีเซียมเป็นสารอาหารแทน)

*ทานตะวันเป็นพืชที่มีบทบาทมากในการฟื้นฟูดิน ตัวอย่างเช่น ทานตะวันสะสมตะกั่วได้ 0.86 mg/kg เมื่อเลี้ยงแบบไฮโดรโพนิกส์และส่งเสริมการย่อยสลายคาร์โบฟูรานได้ 46.71 mg/kg (จาก wikipedia)*
หลังจากที่ปลูกดอกทานตะวันแล้ว ทีมนักวิจัยจะใช้แบคทีเรียในการย่อยสลาย เนื่องจากหากเผาดอกทานตะวันที่ดูดซับสารเอาไว้ เขม่าควันจะทำให้สารซีเซียมแพร่กระจายได้อีก โดยในกระบวนการย่อยสลายจะลดจำนวนสารกัมมันตรังสีที่อยู่ในดอกทานตะวันลงเหลือเพียง 1% และหวังว่าดอกทานตะวันจะกลายเป็นสัญลักษณ์ในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตินิวเคลียร์



ช่วงเวลาที่สามารถชมดอกทานตะวันในจังหวัดฟุกุชิมา:ต้นเดือนสิงหาคม~ต้นเดือนกันยายน






  

Posted by mod at 20:01Comments(0)

2015年10月09日

街角に太陽光パネル 無料でスマホなど充電

จุดชาร์จแบตมือถือฟรี บริการใหม่ในโตเกียว 『 City Charge - ซิตี้ชาร์จ』




ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดโปรเจคใหม่ขึ้นมา มีชื่อว่า ซิตี้ชาร์จ (City Charge) ซึ่งเป็นโปรเจคสำหรับการชาร์จมือถือฟรีตามจุดต่างๆ ในโตเกียว โดยได้เริ่มเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ ที่โตเกียวทาวเวอร์ และโทระโนะมงฮิลล์



ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว, นาย Masuzoe แถลงแผนการใหม่ เตรียมเปิดพื้นที่ให้บริการ จุดชาร์จแบตมือถือฟรี 『 ซิตี้ชาร์จ 』 นำร่องเป็นพื้นที่แรกทั่วประเทศ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนจำนวนมากที่จะเดินทางมาโตเกียวในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในปี 2020 แล้วโตเกียวก็จะกลายเป็นสัญญลักษณ์ของ "เมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"






ทางรัฐบาลโตเกียวได้สร้างซิตี้ชาร์จ (City Charge) ขึ้น โดยใช้พลังงานจากระบบโซล่าเซลล์ เปลี่ยนพลังงานธรรมชาติให้กลายเป็นไฟฟ้า ซึ่งประชาชนหรือนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ โดยไม่ต้องเสียเงินค่าบริการ

การชาร์จมือถือนับว่าเป็นวิวัฒนการใหม่สำหรับประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะว่าที่นิวยอร์คและดูไบได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการชาร์จมือถือในที่สาธารณะนานแล้ว

[City Charge] จะถูกติดไว้บนแผงที่จะผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในตำแหน่งที่มีความสูง 3.8 เมตร โดยจะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้เช่นเดียวกับสายไฟในบ้าน ถึงแม้ในเวลาที่ฝนตกหรือตอนกลางคืนก็สามารถจ่ายไฟฟ้าได้เพราะว่าจะมีแบตเตอรี่ติดอยู่ โดยในตอนกลางคืนจะมีฟังก์ชันเพิ่มคือทำให้กลายเป็นเสาไฟฟ้าเพื่อคอยให้ความสว่างได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาว่าจากนี้ไปอยากให้เมืองโตเกียวผลิต [City Charge] เช่นนี้ในแหล่งท่องเที่ยวด้วย




แล้วพวกเราก็คาดว่าประเทศเราก็น่าจะมีให้ใช้กันบ้างในอนาคตนะคะ



  

Posted by mod at 19:42Comments(0)

2015年10月08日

マイナンバーの通知カードを5日から送る

ประเทศญี่ปุ่นกำลังเตรียมใช้บัตรประชาชนใหม่ที่จะเริ่มใช้งานต้นปี 2016



โดยระบบนี้เรียกกันว่า “My Number” จะเริ่มใช้กันตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าที่ญี่ปุ่น หลังจากมีข้อเสนอมาตั้งแต่ปี 2013 เป็นการรวมศูนย์กลางข้อมูลทั้งภาษีและประกันสุขภาพเข้าเป็นระบบเดียวกัน สำหรับ My Number ก็คือหมายเลขประจำตัวบุคคลที่ประเทศญี่ปุ่นจะกำหนดให้ โดยการใช้ตัวเลข 12 ตัวเพื่อให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมี My Number เป็นของตัวเอง โดยทางสำนักงานเขตหรือหมู่บ้านจะเริ่มต้นส่ง [บัตรบันทึกข้อมูล (通知カード)] ที่แจ้งหมายเลขประจำตัวไปให้ทางไปรษณีย์ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.นี้




โดยหน้าตาของบัตรประชาชนใหม่จะเป็นประมาณนี้ค่ะ



เมื่อมีใช้ระบบ My Number แล้ว จะทำให้สำนักงานเขตรับรู้อย่างเช่นรายได้ของบุคคลที่ทำงานมากกว่า 2 อย่างได้ง่ายขึ้น แล้วก็จะสามารถทำให้บุคคลที่หลบเลี่ยงภาษีโดยการจ่ายภาษีน้อยกว่าความเป็นจริงเนื่องจากการแจ้งรายได้ที่ไม่ตรงจริงกับสำนักงานเขต และจะทำให้บุคคลที่ได้รับเงิน “สวัสดิการสังคม” ที่ไม่ถูกต้องให้หมดไปจากสังคมได้

เมื่อบุคคลมี My Number แล้ว ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องใช้อย่างเช่นทะเบียนบ้าน,ใบแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสถานที่ (เอกสารที่เขียนอย่างเช่นชื่อของคนที่พักอาศัยและวันที่เกิด) เพื่อดำเนินการรับเงินบำนาญหลังวัยเกษียณ

มีประชาชนจำนวนมากที่กังวลว่า เมื่อเริ่มต้นใช้ระบบ My Number แล้ว จะไม่สามารถป้องกันความเป็นส่วนตัวได้หรือถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ไม่ชอบได้ ล่าสุดแหล่งข่าวของ Japan Times ระบุว่าข้อมูลที่อยู่และวันเกิดจะไม่สามารถอ่านออกมาจากบัตรได้

ประเด็นความเป็นส่วนตัวและการขโมยตัวตนเป็นประเด็นสำคัญ ต่อบัตร My Number การใช้งานช่วงแรกระบุว่าให้ใช้ได้เฉพาะสำหรับระบบประกันสังคม, ความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ, และการจ่ายภาษีเท่านั้น ทางการญี่ปุ่นยังไม่เปิดให้เอกชนเข้าใช้หมายเลข My Number นี้โดยระบุว่าหลังใช้งานไปแล้วสามปีจะศึกษาเรื่องนี้อีกครั้ง

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก Japan Times
  

Posted by mod at 19:27Comments(0)

2015年10月07日

B-1グランプリ 1番は千葉県勝浦市のタンタン麺

B-1 Grand Prix (B-1グランプリ) คืองานประกวดอาหารท้องถิ่นราคาประหยัดที่จัดขึ้นทุกปี โดยปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 แล้ว ที่เมือง Towada จังหวัด Aomari ในวันที่เสาร์ที่ 3 และวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 9.00–15.30 น. โดยมีกลุ่มที่เข้าร่วมงานประกวดทั้งหมด 62 กลุ่ม



โดยมีสโลแกนประจำงานนี้ว่า "十和田に愛に行こう!Towada ni ai ni ikou! Come to love Towada!"

กติกาของงานประกวด B-1 Grand Prix นี้ก็ง่ายๆ คือคนที่มางานนี้ได้เลือกชิมอาหารที่ตนเองชอบได้อย่างเต็มที่ โดยใช้คูปองของงาน B-1 Grand Prix แลกกับอาหารที่อยากทาน (คล้ายกับคูปอง Food Court ) ซึ่งเราสามารถซื้อชุดคูปองได้ที่สถานที่จัดงาน โดยคูปอง 1 เล่มจะมีมูลค่า 1,000 เยน (คูปอง 100 เยน x 10 ใบ) แล้วอาหารของแต่ละซุ้มที่เข้าร่วมงานจะอยู่ที่จานละ 300-500 เยน โดยใช้คูปอง 3-5 ใบ



คนที่มาร่วมงานจะกินอาหารกี่จานก็ได้แล้วแต่ชอบเลย แต่จะมีสิทธิ์ลงคะแนนให้กับอาหารตัวเองชอบมากที่สุดได้เพียงคนละ 2 คะแนน วิธีการให้คะแนนคือเราจะใช้ตะเกียบ 1 คู่ (คือ 2 ข้าง) ที่ใช้กินอาหารเสร็จแล้วไปลงคะแนน เราจะให้คะแนน 1 กลุ่ม 2 คะแนนเลยก็ได้ หรือจะให้คะแนน 2 กลุ่ม กลุ่มละ 1 คะแนนก็ได้ เมื่อทุกคนลงคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงตากรรมการต้องมารวบรวมคะแนนกัน โดยกรรมการจะใช้วิธีการชั่งน้ำหนักของตะเกียบทีละกลุ่ม กลุ่มไหนที่ได้น้ำหนักของตะเกียบมากที่สุดจะได้เป็นแชมป์เปี้ยนของปีนั้น สำหรับถ้วยรางวัลจะเป็นรูปตะเกียบสีทองยาว 75 ซม. สีเงินสำหรับกลุ่มที่ได้ที่ 2 และสีทองแดงสำหรับกลุ่มที่ได้ที่ 3




สำหรับในครั้งนี้ได้มีคนมาร่วมงานทั้งสิ้นประมาณ 334,000 คน ในครั้งนี้กลุ่มที่ชนะเลิศได้ที่ 1 คือกลุ่มของจังหวัด Chiba เมือง Katsuurashi ที่ทำเมนู [Tantanmen] ที่สุดแสนจะเผ็ดร้อน



1位は「熱血!!勝浦タンタンメン船団」



กลุ่มที่ได้ที่ 2 คือกลุ่มของจังหวัด Nagasaki เมือง Tsushimashi ในเมนุหมูผัดที่มีรสชาติเผ็ดๆ หวานๆ

2位は「対馬とんちゃん部隊」



กลุ่มที่ได้ที่ 3 คือกลุ่มของจังหวัด Mie เมือง Tsushi ที่ทำเมนู [เกี๊ยวซ่า] ชิ้นใหญ่
3位は「津ぎょうざ小学校」














Date: October 3-4 (Saturday-Sunday), 2015
Time: 9:30-15:30
Location:
Various Locations Around Central Towada (see Venue Map for details)  

Posted by mod at 19:47Comments(0)

2015年10月06日

富士山 ことしの夏に登った人は去年より18%少ない

ภูเขาไฟฟูจินั้นถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกและแม้แต่คนญี่ปุ่นเองต่างหาโอกาสะมาชมภูเขาไฟแห่งนี้ให้ได้สักครั้ง และมีผู้คนอีกมากมายเช่นกันที่ไม่ดื่มด่ำกับความงามของฟูจิเพียงแค่ชื่นชมมันทางสายตา แต่อยากที่จะสัมผัสภูเขาไฟแห่งนี้โดยการตัดสินใจปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด



กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้ทำการวางเครื่องเพื่อนับและสำรวจจำนวนคนที่มาปีนภูเขาไฟฟูจิที่ใกล้ๆ กับความสูงระดับ 8 ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนกรกฎาคมปีนี้ถึงวันที่ 14 กันยายนว่ามีจำนวนทั้งหมดกี่คนจาก 4 เส้นทางที่อยู่ในจังหวัด Shizuoka กับจังหวัด Yamanashi

จากการสำรวจพบว่ามีจำนวนคนที่ปีนภูเขาไฟฟูจิจาก 4 เส้นทางทั้งสิ้น 234,217 คน เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้วมีจำนวนน้อยกว่าประมาณ 51,277 คน โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วลดลง 18% แล้วยังพบว่ามีจำนวนคนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว

มีจำนวนคนที่ปีนเขาขึ้นมาจากเส้นทาง [Yoshida route] ของจังหวัด Yamanashi มากที่สุดคือ 136,587 คน แต่น้อยกว่าเมื่อปีแล้ว 34,360 คน คนที่ปีนขึ้นมาจาก 3 เส้นทางของจังหวัด Shizuoka ก็น้อยลงเช่นเดียวกัน

กระทรวงสิ่งแวดล้อมคิดว่าเหตุผลที่ทำให้คนลดน้อยลงน่าจะเนื่องมาจาก [วันที่สภาพอากาศไม่ดีในปีนี้มีมากกว่าปีที่แล้ว แถมภูเขา Antake ก็ระเบิดและพ้นลาวาออกมาด้วย ] แล้วยังมีการพูดกันว่าอาจเกิดจากสาเหตุที่ว่าภูเขาไฟฟูจิได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมผ่านมามากกว่า 2 ปีแล้วก็เป็นได้





ประวัติโดยสังเขปเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิ
•สูง 3,776 เมตร
•เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ฟูจิซัง (Fujisan– 富士山)
•ตั้งอยู่ตรงรอยต่อระหว่างจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashin) และชิซุโอะกะ (Shizuoka)
•ในบริเวณใกล้เคียงสามารถแวะเที่ยวทะเลสาบทั้ง 5 (Fuji-Goko) ได้แก่ คะวะงุจิโกะ,ยะมะนะกะโกะ,โมโตสุโกะ,โชจิโกะ,ไซโกะ
•คุณอาจจะเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากโยโกฮาม่าและโตเกียว ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
•ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มิถุนายน 2556
•ปกติเดินทางโดยรถยนต์ขึ้นไปได้ถึง “ชั้นที่ 5″
•ช่วงฤดูร้อนของทุกปีมีการเปิดให้เดินขึ้นไปถึงยอดเขาได้
•ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาเที่ยวที่ ภูเขาไฟนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต เนื่องจากชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เชื่อว่าภูเขาไฟฟูจิทั้งลูกคือเทพเจ้า จึงนิยมเดินทางไปแสวงบุญที่ภูเขาไฟตั้งแต่สมัยโบราณกาล



ฤดูกาลที่เปิดให้พิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ
แม้ว่านักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมโดยรอบทะเลสาบภูเขาไฟฟูจิได้ทั้งปี แต่สำหรับการปีนภูเขาไฟนั้นทางการเปิดให้ปีนได้แค่ช่วงฤดูร้อน ต้นกรกฏาคม – ปลายเดือนสิงหาคม รวมเป็นเวลาสองเดือนและช่วงที่คนนิยมปีนกันมากที่สุดคือช่วงเทศกาลโอะบ้งกลางเดือนสิงหาคม

เส้นทางพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ (ตัวอย่างเส้นทาง)


เส้นทางปีนภูเขาไฟฟูจิมีอยู่ 4 เส้นทางหลักด้วยกัน ได้แก่
**เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองมากที่สุดและความให้ความสำคัญกับป้ายบอกทางตามเส้นทางที่เลือก**
1.เส้นทางโยะชิดะงุจิ – คะวะงุชิโกะ (Yoshido-guchi&kawaguchiko)
เส้นทางนี้ได้รับความนิยมจากนักปีนเขามากเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากเดินทางไป-มาสะดวก และมีที่พักเปิดให้บริการมากมาย แต่เพราะเป็นเส้นทางที่นิยมมาก คนจึงหนาแน่นมากโดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
2.เส้นทางฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya)
เส้นทางนี้คือเส้นทางที่สั้นที่สุดในการไปถึงยอดภูเขาไฟฟูจิ เหมาะสำหรับนักปีนเขามือใหม่
3.เส้นทางโกเท็นบะ (Gotemba)
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ลำบากที่สุด และใช้เวลาในการปีนมากที่สุดจึงเหมาะสำหรับนักปีนเขาที่แข็งแรงและมีประสบการณ์
4.เส้นทาจิบะชิริ (Chibashiri)
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่เขียวชอุ่มที่สุด เนื่องจากสองข้างทางเป็นป่าไม้ จึงไม่ร้อนมาก นอกจากนี้ เส้นทางนี้ได้รับความนิยมจากนักปีนเขาน้อย การเดินทางจึงเงียบสงบ เหมาะแก่ผู้ชอบความเป็นส่วนตัว



สิ่งที่ต้องเตรียมไป
•รองเท้าปีนเขา
•กระเป๋าเป้
•หมวกกันแดด
•เสื้อคลุม
•กางเกงขายาว
•เสื้อกันฝน
•กางเกงลองจอน•ไฟฉายคาดศีรษะ
•ถุงมือหนา
•ไม้ค้ำสำหรับเดินเขา
•น้ำดื่ม
•แผนที่
•ถุงใส่ขยะขนาดเล็ก
•ผ้าเช็ดหน้า
•อาหารว่าง, ขนม•กระดาษชำระ
•ไฟฉาย
•อุปกรณ์ให้ความอบอุ่น
•ครีมกันแดด
•แว่นกันแดด
•พาสเตอร์ยา
•สเปรย์ฆ่าเชื้อ
•กระบอกแก๊สออกซิเจน•เสื้อสำรอง
•สำเนาบัตรสุขภาพ
•ที่หุ้มข้อเท้า
•เทปผ้ายาว 1เมตร
•ที่อุดหู (เผื่อคนอื่นเสียงดังเวลานอน)
•และสิ่งจำเป็นส่วนตัว
  

Posted by mod at 19:18Comments(1)

2015年10月05日

日本政府観光局 「食」で外国人を地方へ



เราจะเห็นได้ว่าคนต่างชาติมีการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มสูงมากขึ้น จึงทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่ามีการใช้เงินในการจับจ่ายซื้อของกัน แต่จะว่าไปแล้วการที่บอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนั้นคงแค่เพียงในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น




ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นจึงได้ประกาศแผนงานใหม่ที่จะทำให้ชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวในพื้นที่ที่นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวและเมืองใหญ่ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มให้บริการใหม่ในการแนะนำวัฒนธรรมการกินอาหารของญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กับบริษัท [Gurunavi] (เว็บไซต์แนะนำร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น) เช่นร้านอาหารทางอินเตอร์เน็ต เพราะว่าชาวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่นจะมีความสนใจในด้านวัฒนธรรมการกินอาหารของญี่ปุ่นเป็นพิเศษ



ในแผนงานใหม่นี้จะแนะนำให้ชาวต่างชาติเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่นตั้งแต่ฮอคไกโดจนถึงโอกินาว่าเลย จะจัดทัวร์เป็น 17 กลุุ่มเพื่อให้ได้สนุกสนานเพลิดเพลินกับอาหารในภูมิภาคนั้นๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัททัวร์ต่างๆ ด้วย

นับจากนี้ต่อไป ถึงแม้จะเป็นพื้นที่นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวและเมืองใหญ่ๆ ก็ตาม ก็จะมีชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มสูงยิ่งขึ้นด้วยจากแผนงานใหม่นี้ แล้วดูเหมือนว่าการเตรียมการที่จะต้อนรับชาวต่างชาติจะคืบหน้าไปมากแล้วด้วย

อาหารท้องถิ่นอย่างเช่น

คิริทัมโปะ (จังหวัดอะคิตะ)




คิริทัมโปะ เป็นอาหารพื้นเมืองยอดนิยมของจังหวัดอะคิตะ ปกติจะรับประทานกันในช่วงกลางเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนซึ่งในตลาดจะเริ่มวางขายแป้งข้าวเหนียวจากข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยว คิริทัมโปะคือข้าวที่นำมานวดแล้วเสียบไม้ย่าง จากนั้นหั่นเป็นชิ้นความยาว 5 ซม. และนำไปปรุงในกระทะกับหญ้าเจ้าชู้ ต้นหอมจีน เห็ดไมตะเกะ ผักตามฤดูกาล รวมทั้งผักชีญี่ปุ่นและไก่ รสชาติเฉพาะแบบนี้ต้องไปสัมผัสเองที่อะคิตะ แต่เดิมอาหารแบบนี้ทำขึ้นเพื่อให้คนตัดไม้และนักล่าสัตว์สามารถนำติดตัวไปทานได้ในระหว่าง ทำงานบนภูเขา ชื่อคิริทัมโปะมาจากรูปทรงที่ดูคล้ายทัมโปะ-ยาริ (ปลอกปลายหอกทำจากหนังซึ่งมีลูกบอลผ้ายัดฝ้ายอยู่ด้านใน)


มิซุทะกิ หรือไก่ต้มไม่ปรุงรส (จังหวัดฟุกุโอะกะ)


มิซุทะกิถือกำเนิดขึ้นที่ฟุกุโอะกะซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีปริมาณการบริโภคไก่ต่อ ครัวเรือนต่อปีสูงที่สุด ไก่ต้มไม่ปรุงรสมีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) ปรากฏขึ้นครั้งแรกที่เมืองฮะกะตะในฟุกุโอะกะ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากซุปใสแบบตะวันตกและอาหารประเภทไก่ของจีน วิธีทำจะนำไก่และผักไปต้มในน้ำสต็อกไก่ จากนั้นจิ้มซอสพอนซุ (คั้นจากส้มที่มีรสออกขม) และเติมเครื่องปรุง เช่น ต้นหอมสับ ก่อนรับประทาน เมื่อกินไก่และผักหมดแล้ว อาจใส่ข้าวลงในหม้อซุปเพื่อทำเป็นข้าวต้มก็ได้ ซึ่งข้าวที่ดูดน้ำซุปเข้าไปจะมีรสชาติหอมอร่อยจากวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้มในซุป


ฮิยะจิรุ (จังหวัดมิยะซะกิ)


ฮิยะจิรุเป็นอาหารท้องถิ่นของจังหวัดมิยะซะกิ น้ำซุปทำมาจากปลาแห้งต้ม เช่น ปลาทูแขก หรือปลาซาร์ดีนแห้ง และปรุงรสด้วยมิโสะ จากนั้นนำน้ำซุปไปแช่เย็นแล้วเทลง บนข้าวสวยร้อนๆ ทานคู่กับผักต่างๆ เช่น แตงกวา และเครื่องเคียงอย่างใบโหระพาญี่ปุ่น หรือขิง อาหารธรรมดาๆเมนูนี้จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับรสชาติและความสดชื่นจากของผักฤดูร้อน นอกจากนี้ยังเหมาะกับการกินหลังจากดื่มสาเกอีกด้วย ว่ากันว่าเมนูนี้คิดค้นขึ้นโดยเกษตรกรในมิยะซะกิเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลากิน อาหารในระหว่างทำงานในไร่ นอกจากนี้ แต่ละครอบครัวในมิยะซะกิยังทำฮิยะจิรุในแบบของตนเองอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น  

Posted by mod at 20:00Comments(0)

2015年10月02日

100年以上続いた東京の銭湯が閉まる

ปิดฉากโรงอาบน้ำสาธารณะที่เก่าแก่ของโตเกียว




โรงอาบน้ำ [菊水湯] (Kikusuiyu) ที่ตั้งอยู่ในเขต Bunkyoku ของ Tokyo คือโรงอาบน้ำสาธารณะที่มีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 100 ปี







อ่างอาบน้ำของโรงอาบน้ำ Kikusuiyu จะใช้การเผาฟืนเพื่อต้มน้ำในบ่อน้ำให้เดือด แล้วที่โดดเด่นอีกอย่างคือจะมีภาพวาดภูเขาไฟฟูจิที่ใหญ่มากอยู่บนกำแพง ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากทั้งห้องอาบน้ำชายและหญิง





ถ้าพูดถึงโรงอาบน้ำสาธารณะที่อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนล่ะก็ นับว่ามีชื่อเสียงมากๆ เลยทีเดียว ไม่เพียงแต่คนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นเท่านั้น แต่ยังจะมีลูกค้าที่เดินทางมาจากที่ไกลๆ ด้วย

แต่เนื่องจากสภาพสิ่งปลูกสร้างได้เก่ามาก ทำให้ต้องตัดสินใจปิดร้านลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้

พอช่วงบ่าย 3 โมงครึ่งของวันที่ 30 ที่ร้านจะปิดนั้น มีลูกค้าจำนวนมากมาเพื่อแช่ในอ่างอาบน้ำเป็นครั้งสุดท้าย ชายวัย 60 ปีคนหนึ่งกล่าวว่า “เพราะเคยมาด้วยกันกับคุณพ่อ ทำให้รู้สึกใจหายวาบที่สถานที่แห่งความทรงจำกำลังจะหายไปแล้ว"

คุณฮิโรโกะ มิยาโมโตะแห่งโรงอาบน้ำ Kikusuiyu กล่าวว่า “เมื่อวานนี้ถือว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว ก็รู้สึกใจหายมากเหมือนกัน แต่ก็อยากจะบอกขอบคุณลูกค้าทั้งหลายมากเลยค่ะ”


  

Posted by mod at 17:28Comments(0)