インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2017年01月13日

สอบวัดระดับมารยาท

วันนี้ เราจะมาคุยกันถึงเรื่องการสอบวัดระดับ แต่ไม่ใช่การสอบวัดระดับความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นนะคะ

อย่างที่เรารู้กันดีอยู่ว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นเขาให้ความสำคัญกับมารยาทมาก จนถึงขนาดมีการเขียนเรื่องมารยาทในสังคมต่างๆ เป็นตำราไว้มากมาย แล้วนอกจากนั้นก็ยังมีการจัดสอบวัดระดับความสามารถในเรื่องมารยาทด้วยนะคะ


คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่นเป็นหลัก อย่างเช่นการเลือกเสื้อผ้านั้นจะให้นึกถึงคนมองมากกว่าความชอบส่วนตัว เราต้องเลือกเสื้อผ้าให้ถูกกาลเทศะและดูดีในสายตาคนอื่น



แล้วอย่างเรื่องการใส่น้ำหอมถือว่าเป็นการเอากลิ่นของเราไปให้คนอื่นดม ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรดับกลิ่นที่อยู่ในตัวเองด้วย และดับกลิ่นที่อยู่ในน้ำหอมด้วยเพื่อไม่ให้มีกลิ่นออกมา

มารยาทการนั่งโต๊ะอาหาร ก็ต้องให้ผู้ใหญ่นั่งด้านใน การหั่นตะเกียบให้หันไปทางด้านซ้ายของตัวเราเอง เพราะเมื่อสมัยก่อน เวลานั่งทานอาหารเขาจะหันหน้าไปทางทิศใต้ ดังนั้นการวางตะเกียบก็จะให้หันไปทางทิศตะวันออกเพื่อรับพลังจากพระอาทิตย์ เป็นต้น

แล้วในการทำงานในบริษัทฯ นั้นนอกจากการขยันขันแข็งในการทำงานแล้ว เราจะต้องมีมารยาทสังคมที่ดีด้วย บางบริษัทฯ ก็จะมีการให้ไปสอบวัดระดับความสามารถเรื่องมารยาท ถ้าสอบวัดระดับได้ในระดับสูง ก็จะได้รับเงินเดือนที่ดีด้วย




นั่นก็คือ การสอบวัดระดับมารยาท = ความก้าวหน้าในงาน

ถ้าใครอยากทำงานกับคนญี่ปุ่น นอกจากจะต้องมีความรู้ด้านภาษาที่ดีแล้ว ยังต้องมีความรู้ด้านมารยาทสังคมด้วยนะคะ
  

Posted by mod at 14:47Comments(0)

2017年01月12日

Yatai ยะไตสไตล์ญี่ปุ่น

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าในชั้นเรียน ที่ฉันไม่ได้ประสบเอง แต่เป็นเรื่องของนักเรียนคนหนึ่งที่ตอนช่วงปลายปีได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วอยากสัมผัสกับร้านยะไตของญี่ปุ่น ตอนค่ำๆ ก็เลยชวนสามีออกไปเดินหาร้านยะไตกัน เมื่อเลือกแล้วว่าร้านนี้ดูน่ากินก็เดินเข้าไปเลย แล้วพบกับเจ้าของร้านเป็นคุณป้าแก่ๆ เธอยื่นเมนูให้พร้อมกับมีข้อความว่าถ้าไม่ได้มากับคนญี่ปุ่นสามารถนั่งทานได้แค่ 1 ชั่วโมง แล้วมีการชาร์จเพิ่มอีกหัวละ 300 เยน ต้องสั่งอาหารเป็นภาษาญี่ปุ่น นักเรียนคนนั้นถึงกับอึ้งแล้วคิดในใจว่า “ไปกินร้านอื่นก็ได้วะ” แล้วก็ออกไปจากร้านนั้นเลย



นักเรียนก็มาเล่าให้ฟังแล้วก็ถามว่า “ร้านยะไตของญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทั้งหมดเลยหรือเปล่า” ฉันก็เลยตอบว่า “ไม่หรอก”

สาเหตุนั้นน่าจะมาจากที่ว่า

1.คุณป้าแก่ๆ นั้นคงไม่สันทัดในภาษาต่างชาติ ก็เลยเหมือนอยากตัดปัญหาภาษาออกไป

2.ที่เขียนจำกัดเวลา 1 ชั่วโมงนั้น เพราะว่าร้านคุณป้าเป็นแค่ร้านเล็กๆ จึงอยากทำให้เกิดการหมุนเวียนลูกค้าได้เยอะที่สุดนั่นเอง

3.ส่วนที่บอกว่าชาร์จเพิ่มหัวละ 300 เยนนั้น น่าจะเป็นการเขียนให้ลูกค้าทราบชัดเจนในเรื่องของ お通し (โอะโทชิ)
お通し (โอะโทชิ) หมายถึง อาหารที่เสิร์ฟก่อนที่เมนูหลักจะมาถึง โดยถ้าสั่งเหล้าก็จะเสร์ฟคู่กันเป็นกับแกล้มโดยอัตโนมัติ และชาร์จเงินเพิ่มตอนคิดเงินทีหลัง ปกติแล้วค่าโอะโทชินี้ไม่สามารถยกเลิกได้ ถึงแม้จะไม่ทานก็ต้องเสียเงินอยู่ดี เพราะว่าร้านคุณป้าเป็นร้านยะไตกึ่งร้านอิซากายะด้วย

สิ่งที่เล่ามานั้น ก็น่าเห็นใจคุณป้าเจ้าของร้าน ที่ท่านก็คงลำบากใจที่จะสื่อสารภาษาต่างชาติ นี่ก็น่าจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับการที่คนเราต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไป ที่เป็นสังคมอินเตอร์เนชั่นแนลมากขึ้นนั่นเอง แต่จะให้คุณป้าลุกขึ้นมาเรียนภาษาอังกฤษก็อาจจะไม่ไหวหรือเปล่า?
  

Posted by mod at 14:56Comments(0)

2017年01月11日

ไอเดียเด็ด! กระดาษชำระสำหรับสมาร์ทโฟน

วันนี้อ่านเจอข่าวที่ทำให้ต้องทึ่งกับไอเดียเด็ดของญี่ปุ่นที่มีกระดาษชำระเช็ดสมาร์ทโฟนในห้องน้ำ โดยถูกติดตั้งไว้ในห้องน้ำ 7 แห่ง 86 ห้องของท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ




กระดาษชำระสำหรับสมาร์ทโฟนนี้ถูกผลิตขึ้นโดย NTT Docomo ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งความพิเศษของกระดาษชำระสำหรับสมาร์ทโฟนนี้คือผู้โดยสารสามารถใช้กระดาษชำระชนิดนี้เช็ดทำความสะอาดเพื่อกำจัดเชื้อโรคบนสมาร์ทโฟน ซึ่งมีมากกว่าฝารองนั่งโถส้วมกว่า 5 เท่า โดยเขาจะติดอยู่ข้างๆ กระดาษชำระธรรมดาที่ใช้อยู่กันเป็นประจำ น่าจะหยิบใช้ได้สะดวก



นอกจากจะช่วยทำความสะอาดสมาร์ทโฟนแล้ว บนกระดาษยังให้ข้อมูลการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของ Docomo และแอพพลิเคชั่นแนะนำการท่องเที่ยวไปในตัวด้วย เป็นไอเดียที่สุดมากเลย

แต่มันจะทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรคได้จริงเปล่าต้องมาว่ากันอีกทีนะคะ เพราะอย่าลืมว่าอยู่ในห้องน้ำแล้วเชื้อโรคมันไม่ได้ฟุ้งกระจายในอากาศแล้วมาติดอยู่ที่กระดาษด้วยเหรอ?
  

Posted by mod at 16:35Comments(0)

2017年01月10日

コウモリ ค้างคาวนำโชค

ใครๆ ก็อยากมีโชคอยากมีลาภกันทั้งนั้น ถ้าอย่างนั้น วันนี้เรามาดูสัตว์นำโชคกันค่ะ แล้ว 1 ในสัตว์นำโชคของญี่ปุ่นก็คือค้างคาว หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “コウモリ- Koumori(蝙蝠)”




ค้างคาวนั้น ในหลายๆ ประเทศก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคร้าย ไม่ดี แต่สำหรับคนญี่ปุ่นค้างคาวหมายถึงโชคลาภ เขาว่ากันว่าถ้ามีค้างคาวอาศัยอยู่ในบ้าน 2 ตัวจะโชคดีแบบ 2 ชั้นเลย แต่ถ้ามี 5 ตัวล่ะก็ จะเปี่ยมไปด้วยโชคลาภทั้ง 5 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ อายุยืน สุขภาพดี มีเงินเยอะ และชีวิตคู่สมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่มีตัวจริงของค้างคาว ขอให้เป็นลวดลายของค้างคาวก็ถือว่าเป็นผลดีแล้ว

ดังนั้นในปัจจุบันจึงนิยมสลักรูปค้างคาวลงบนพวกเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของต่างๆ

ความเชื่อเรื่องค้างคาวเป็นสัตว์นำโชคนั้น ประเทศญี่ปุ่นน่าจะรับอิทธิพลมากจากประเทศจีน เพราะว่าในประเทศจีน ตัวอักษร "蝠" ของคำว่าค้างคาว นั้นออกเสียงว่า ฝู หรือ ฮก 「福」มีความหมายว่า โชคดี มีบุญ วาสนา ชื่อเสียงเกียรติคุณ

ในวันตรุษจีนชาวจีนจะนิยมนำรูปค้างคาวมาติดบริเวณหน้าประตูบ้าน หรือที่ป้ายร้านค้า เพื่อสื่อถึงความโชคดี การค้าขายเจริญรุ่งเรือง
  

Posted by mod at 17:29Comments(0)

2017年01月06日

การประดับตกแต่งในวันขึ้นปีใหม่ (正月飾り)

เมื่อวานไปทำธุระแถวสีลม แล้วเดินผ่านร้านหนึ่งก็สะดุดตาเข้ากับการประดับตกแต่งบริเวณหน้าร้าน
อ๋อ นั่นเป็นการประดับตกแต่งในวันขึ้นปีใหม่ (正月飾り) ของคนญี่ปุ่นนั่นเอง เพิ่งเคยเห็นของจริงครั้งแรก ตื่นเต้นๆ
แต่ก็เกรงใจคุณพี่ที่รักษาความปลอดภัยหน้าร้าน ก็เลยแอบมองอยู่ไกลๆ แล้วก็ถ่ายรูปมาด้วย (แอบติดคุณพี่มาด้วย อิอิ)




เรามาดูกันค่ะ ว่ามีการตกแต่งด้วยอะไรบ้าง

1.“คาโดมัทสึ” (門松 : Kadomatsu)



ของประดับตกแต่งบ้าน ในช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เรียกว่า "Kadomatsu"
จะวางอยู่เป็นคู่ที่ทางเข้าด้านหน้าที่สองฝั่งของ ประตูบ้านหรืออาคารสำนักงาน
เพื่อที่จะต้อนรับ วิญญาณบรรพบุรุษ หรือ เทพเจ้าของการเก็บเกี่ยว
และต้อนรับเทพเจ้าแห่งวันปีใหม่ ที่จะนำความสุข และความโชคดี นำสิ่งดีๆมาให้ในปีใหม่
คาโดมัสซึ จะทำจากไม้ไผ่และกิ่งสน โดยการนำต้นไผ่สามต้นมัดรวมกัน แล้วตัดในแนวเฉียงโดยใช้ใบไผ่พันไว้รอบๆ
หรือ อาจจะเพิ่มเติมสิ่งมงคลอื่นเข้าไป ตามแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น

2."ชิเมะ คาซาริ" (しめ飾り : Shime-kazari)



ชิเมะคาซาริ ประกอบด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ ทำด้วยฟางข้าวนำมามัดกันเป็นฟ่อนใหญ่ๆ ตามแบบชินโต
โดยมีแถบกระดาษสีขาว ที่เรียกว่า ชิเดะ (Shide, 四手/紙垂) ห้อยเป็นพู่ประดับ ประดับตกแต่งด้วย กิ่งไม้ รวงข้าว ส้มไดได กุ้งมังกร ใบเฟิร์น และอื่นๆ

- ส้มไดได ของญี่ปุ่น "daidai" (橙) เขียนด้วยตัวอักษรคันจิที่แตกต่างกัน (代々) สามารถแปลว่า "จากรุ่นสู่รุ่น" ซึ่งถือว่าเป็นลางที่ดี
- กุ้ง เป็นสัญลักษณ์มงคล ของการมีอายุยืน
- ใบเฟิร์น เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง และ ความปรารถนาที่จะมีครอบครัวที่มีความสุขเพิ่มขึ้น จากรุ่นสู่รุ่น

ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะนำ ชิเมะคาซาริ ไปแขวนไว้บนระเบียงหรือ ด้านนอกของประตูทางเข้าบ้าน หรือ ประตูหลังบ้าน
ชิเมคาซาริ เป็น สิ่งซึ่งใช้ประดับในวันปีใหม่ ที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อเปิดทางให้เทพเจ้าท่านได้ผ่านเข้ามา สำหรับบางบ้านที่นับถือ ศาสนาชินโตอาจจะประดับตกแต่งด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ หรือชิเมะนาวะ (Shime-nawa, しめ縄)
โดยเมื่อผ่านเทศกาลแล้ว บางคนจะนำ Shime-kazari ไปเผาที่วัด หรือ ศาลเจ้าและเก็บขี้เถ้า นำมาวางไว้หน้าประตูทางเข้าบ้านเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย

  

Posted by mod at 14:07Comments(0)

2017年01月05日

占い คำทำนาย

สิ่งหนึ่งที่เรามักจะทำกันตอนไปวัดหรือศาลเจ้าต่างๆ คือการเสี่ยงเซียมซี สำหรับคนญี่ปุ่นเอง เขาก็มีการเสี่ยงทายแบบนี้เช่นกัน แล้วกระดาษเขียนคำทำนายดวงชะตาของญี่ปุ่น เรียกกันว่า โอะมิกุจิ (御御籤, 御神籤, หรือ おみくじ)

คำว่า "โอะมิกุจิ" นั้นแปลตรงตัวว่า "สลากศักดิ์สิทธิ์"

คำทำนายที่เขียนบนโอะมิกุจิมีอยู่หลายแบบ ได้แก่
1.ไดคิจิ (大吉, โชคดีมาก)
2.จูคิจิ (中吉, โชคดีปานกลาง)
3.โชคิจิ (小吉, โชคดีเล็กน้อย)
4.คิจิ (吉, โชคดี)
5.ฮังคิจิ (半吉, กึ่งโชคดี)
6.ซุเอะคิจิ (末吉, โชคดีตามกรรม)
7.ซุเอะโชคิจิ (末小吉, โชคดีเล็กน้อยในอนาคต)
8.เคียว (凶, โชคร้าย)
9.โชเคียว (小凶, โชคร้ายเล็กน้อย)
10.ฮังเคียว (半凶, กึ่งโชคร้าย)
11.ซุเอะเคียว (末凶, โชคร้ายตามกรรม)
12.ไดเคียว (大凶, โชคร้ายมาก)

แล้วนอกจากโอะมิกุจิแล้ว ในผลิตภัณฑ์พวกขนมต่างๆ ก็มักมีคำทำนายหลังแพคเกจหรือกระดาษห่อด้วย ได้กินขนมอร่อยแล้วยังได้สนุกกับคำทายด้วย ก็ถือว่าเป็นกลยุทธทางการตลาดอย่างหนึ่งด้วยนะคะ



คำทำนาย ภาษาญีปุ่นเรียกว่า 占い (uranai)

อย่างเมื่อตอนปีใหม่ ฉันเอาช็อคโกแลตคิตตี้มาทาน หลังกระดาษห่อมีคำทำนายด้วย แต่แอบสงสัยว่ามันมีคำทำนายแบบนี้แบบเดียว หรือว่าฉันหยิบมาทานได้เหมาะเหม็งมาก คำทาย 3 อันได้แบบเดียวกันเลยค่ะ คือโชคิจิ (小吉, โชคดีเล็กน้อย) ก็ยังดีค่ะ

ส่วนคำทำนายที่เขียนไว้คือ “好きな人と目があっちゃうかも?”=อาจได้สบตาปิ๊งๆ กับคนที่รัก ?

Wow ขอให้เป็นจริงด้วยเถิด สาธุ
  

Posted by mod at 13:57Comments(0)

2017年01月04日

Toridoshi 酉年

สวัสดีปีใหม่ค่ะ コケコッコー♪ โค่ะเคะคกโค้ ขันต้อนรับปีระกากันค่ะ




สำหรับปีระกาใน ภาษาญี่ปุ่นคือ酉 (Tori) ไก่ซึ่งถือว่าเป็นไก่ตัวผู้ คนเกิดปีระกาจะมีลักษณะนิสัยคือเป็นคนที่มีระเบียบแบบแผน ยึดถือประเพณี หัวโบราณ สง่างามดูภูมิฐาน พิถีพิถันเรื่องการแต่งตัว วางตัวได้ดี มานะอดทนชอบพึ่งตัวเอง หงุดหงิดง่าย มีวาทศิลป์ในการพูด พูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมา บางครั้งก็พูดจาขวานผ่าซาก พูดจาไม่เข้าหูคนจนกลายเป็นการประชดประชันเหน็บแหนม มักมีมุมมองที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่น เป็นคนรักครอบครัว

ไม่ทราบว่าปีระกาทองนี้ มีใครที่เป็นปีชงบ้างมัยคะ? สำหรับฉันปีนี้รอดตัวไปค่ะ

สำหรับคนญี่ปุ่นเขาก็มีความเชื่อเรื่องปีชงกันด้วยนะคะ ในภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า “厄年:やくどし:Yaku Doshi” โดยความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน (平安時代: Heian) แล้ว




ปีชงสำหรับคนญี่ปุ่นนั้นจะนำความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์มาบวกกับหลักสถิติของเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของคน แล้วนำมาประยุกต์เข้าด้วยกันเพื่อใช้เป็น “คำเตือน” ให้ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท ดังนั้นคนญี่ปุ่น จึงนับ “ปีชงตรง” 本厄年:Hon Yaku Doshi ที่ช่วงอายุที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

ปีชงตรงของผู้ชายจะอยู่ที่ 25-42-61 ปี และปีชงของผู้หญิงจะอยู่ที่ 19-33-37 ปีโดยจะได้รับอิทธิพลจากปีชงตรงในช่วง 1 ปีก่อนและหลังปีชงตรงด้วย

เริ่มจากปีชงช่วงแรกคือช่วงวัย 19 ปีของผู้หญิงและ 25 ปีของผู้ชาย ถือว่าเป็นช่วงวัยหนุ่มสาวที่อาจจะยังไม่มีความคิดที่รอบคอบพอ ซึ่งอาจจะเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดพลาดได้

ช่วงที่ 2 คือช่วงอายุ 33 ปีของผู้หญิง และ 42 ปีของผู้ชาย นับเป็นช่วงวัยกลางคนซึ่งเป็นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต

สำหรับผู้ชายนับว่าเป็นช่วงสำคัญของความก้าวหน้าในชีวิตการงาน ความรับผิดชอบที่มีอยู่รอบตัว ที่อาจจะทำให้เกิดความเครียดแก่จิตใจและร่างกายได้ จึงให้ระมัดระวังเรื่องสุขภาพให้มาก ๆ

สำหรับผู้หญิงก็นับว่าเป็นช่วงที่ค่อนข้างมีความยุ่งเหยิงในชีวิตจากการเริ่มคลอดบุตรหรือดูแลบุตร ซึ่งอาจทำให้ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพของตนเองได้ โดยเชื่อกันว่า “ปีชงตรง” ที่รุนแรงที่สุดของชายจะอยู่ที่ “อายุ 42 ปี” และผู้หญิงอยู่ที่ “อายุ 33 ปี” นี่เอง




ปีชงในญี่ปุ่นก็มีการสะเดาะเคราะห์ ส่วนใหญ่จะไปวัดหรือศาลเจ้าเพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง และส่วนใหญ่จะนิยมทำการสะเดาะเคราะห์กันในช่วงหลังปีใหม่จนถึงช่วงวันก่อนหน้าวันเริ่มเข้าสู่ฤดู ใบไม้ผลิ ราวๆ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ (節分:せつぶん:Setsubun)

ในแต่ละปี ผู้คนต่างเดินทางไปที่วัดโซชูจิ (惣宗寺:そうしゅうじ:Soshuji) ซึ่งเป็นวัดที่คนนิยมไปมากที่สุด ซึ่งในการรับสวดภาวนา สะเดาะเคราะห์นั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 เยนโดยขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมของแต่ละวัดที่แตกต่างกันไป

นอกจากการทำบุญสะเดาะเคราะห์แล้วยังนิยมมอบของให้กับผู้ที่อยู่ในปีชงด้วยของที่มีลักษณะยาวๆ เช่น เนคไท เข็มขัดให้กับผู้ชาย หรือผ้าพันคอ สร้อยคอให้กับผู้หญิง

ขอบคุณข้อมูลจาก Marumura
  

Posted by mod at 17:41Comments(0)

2016年12月29日

毛ガニ ปูขนอาหารรสเลิศ

ในตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงฤดูกาลในการจับ “ปูขน” ของฮอคไกโดกันแล้ว ผู้คนจำนวนมากมีการซื้อหาปูขนเตรียมไว้สำหรับช่วงปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้



ปูขนจะมีขนาดเล็กกว่าปูทาราบะและปูซูไว และมีลักษณะเฉพาะก็คือมีขนเล็กๆ ปกคลุมทั่วตัว แล้วก็ขึ้นชื่อว่ามันกินยากเย็นแสนเข็ญ แต่ด้วยรสชาติที่อร่อยจริงๆ ความหวาน ความชุ่มฉ่ำอัดแน่นอยู่ในเนื้อ จึงทำให้คนที่รักการกินปูเป็นชีวิตจิตใจ มักเลือกกินปูขนนี้

เมื่อเช้าของวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่เมือง Shiranuka ในฮอคไกโดมีการจับปูขนได้ทั้งหมดประมาณ 500 กิโลกรัม แล้วก็มีการคัดแยกขนาดของปูขนกันบริเวณท่าเรือเลย สำหรับปูขนที่มีขนาดกระดองใหญ่กว่า 10 ซม. ถูกประมูลอยู่ในราคากิโลกรัมละ 9,600 เยน ซึ่งมีราคาสูงกว่าเมื่อช่วงเวลาเดียวกันนี้ของเมื่อปีแล้วประมาณ 1,500 เยนกันเลยทีเดียว จากข้อมูลของกรมประมงเมือง Shiranuka บอกว่าปูขนที่จับได้หลังจากเข้าสู่เดือนธันวาคมที่ผ่านมีปริมาณลดน้อยลง แล้วประจวบกับการนำเข้าจากประเทศรัสเซียก็น้อยลงด้วย จึงทำให้มีราคาสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา

สำหรับปูขนของเมือง Shiranuka ในฮอคไกโดได้มีการนำส่งไปยังตลาดต่างๆ ทั่วทั้งญี่ปุ่นอีกด้วย

ปูขนนี้ นิยมนำมาทำซุป หรือใส่ในซุปมิโสะ ต้มหรือนึ่งเพื่อเอาเนื้อไปปรุงในเมนูอื่นๆ




  

Posted by mod at 16:34Comments(0)

2016年12月28日

พรจากฟ้า

"เราควรใช้ชีวิตเพื่อทำอะไรที่มีความสุข ไม่ใช่ให้คนมาเคาะโลงแล้วบอกว่า ให้ไปที่ชอบๆ"




วลีเด็ดจากภาพยนตร์เรื่อง “พรจากฟ้า” ที่ฉันรู้สึกชอบมาก ซึ่งเป็นคำพูดของคิม (หนูนา หนึ่งธิดา) ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายบุคคล ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีในการตั้งวงดนตรีซึ่งมีสมาชิกรวมวงที่หลากวัย แถมยังเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีที่ไม่น่าจะเอามารวมวงกันได้ ที่เด็ดกว่านั้นคือแอบเจ้านายเล่นกันในออฟฟิศหลังเลิกงานเพื่อสานฝันของเหล่าคนที่รักในดนตรี

แล้ววลีเด็ดนี้ก็เป็นหนึ่งในปณิธานสำหรับการใช้ชีวิตของฉันในปี 2017 ด้วย เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนัก
  

Posted by mod at 16:23Comments(0)

2016年12月23日

Kuri Bocchi (クリぼっち) คริสต์มาสสุดเดียวดาย

อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันคริสมาสต์แล้ว สำหรับคนไทยเองก็ไม่แพ้ชาติไหนๆ ในการฉลองเทศกาลนี้ เพราะช่วงนี้ตามห้างสรรพสินค้าจะเต็มไปด้วยเทศกาลของขวัญสำหรับวันคริสมาสต์และปีใหม่




คนญี่ปุ่นเองก็มีการฉลองวันคริสมาสต์เหมือนกัน แล้ววันคริสมาสต์ของญี่ปุ่นก็ดูเหมือนจะเป็นวันแห่งความรักอีกวันหนึ่งก็ว่าได้ เพราะคู่รักจะมาฉลองด้วยกัน แล้วอาหารที่ใช้ฉลองวันคริสมาสต์ของญี่ปุ่นก็คือ KFC นั่นเอง เพราะว่าในญี่ปุ่นหาไก่งวงได้ยาก แถม KFC ในญี่ปุ่นยังมีโปรโมชั่นพิเศษในการจองไก่วันคริสต์มาสด้วย เรียกว่าจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว




สำหรับคนไทยก็เช่นเดียวกัน เราก็อาศัยไก่ KFC แก้ขัดเหมือนกัน แอบเม้าส์นิดนึง ไม่ใช่แต่ใช้แทนไก่งวงช่วงคริสมาสต์เท่านั้น คนไทยยังใช้แทนไก่ไหว้ในช่วงตรุษจีนด้วย เพราะว่าสะดวกสบายนั่นเอง




นอกจากไก่ KFC แล้ว คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังนิยมทาน Christmas Cake ซึ่งตกแต่งด้วยผลสตรอเบอร์รี่สวยงามด้วย แล้วคนญี่ปุ่นก็ยังมีการพูดตลกร้ายๆ เสียดสีเกี่ยวกับอายุผู้หญิงโสดกับ Christmas Cake ด้วยในทำนองที่ว่า ผู้หญิงที่อายุเกิน 25 แล้วยังไม่ได้แต่งงาน ก็เหมือนกับ Christmas Cake ที่ถูกนำมาเลหลังขายกันหลังจากวันคริสต์มาสแล้ว ซึ่งเรียกว่าลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์กันมากเลย ร้ายนะจ๊ะ

แล้วสำหรับคนโสดที่อยู่คนเดียวในวันคริสต์มาสอีฟนั้นภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “Kuri Bocchi” (クリぼっち) ซึ่งมาจากคำเต็มๆ ว่า Kurisumasu Hitori Bocchi(クリスマス一人ぼっち)ก็คืออยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวเดียวดายในวันคริสต์มาส น่าสงสารจริงๆ เลย
  

Posted by mod at 18:47Comments(0)