インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き › 2016年02月01日

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2016年02月01日

เกาะฮะจิโจจิมะ (八丈島) สวรรค์ของนักดำน้ำ

ขอต้อนรับวันจันทร์แห่งชาติของสัปดาห์นี้ด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ติดอันดับโลกกันนะคะ นั่นก็คือ วาฬ นั่นเอง

วาฬในภาษาญี่ปุ่นเราเรียกกันว่า "鯨" (くじら) วันนี้เราจะพาไปดูวาฬที่มีชื่อว่า "วาฬหลังค่อม" (ザトウクジラ) กันค่ะ




วาฬหลังค่อม หรือ วาฬฮัมแบ็ก (อังกฤษ: Humpback whale; ชื่อวิทยาศาสตร์: Megaptera novaeangliae) เป็นวาฬขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในประเภทวาฬบาลีน ในวงศ์วาฬอกร่อง (Balaenopteridae) และจัดเป็นวาฬเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Megaptera [2] (มีที่มาจากภาษากรีกคำว่า μεγα-"mega" หมายถึง "ใหญ่" และ πτερα-"ptera" หมายถึง "ปีก") [3]



วาฬหลังค่อม จัดเป็นวาฬขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของวาฬทั้งหมด น้ำหนักตัวอาจถึง 45 ตัน มีความยาว 25 เมตร พบกระจายพันธุ์ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือราว 10,000 - 25,000 ตัว ในปี 2008[4] เป็นวาฬที่หากินด้วยการกรองกินด้วยบาลีน ซึ่งมีแผ่นกรองกว่า 800 แผ่นที่ขากรรไกรด้านบน เพื่อกรองอาหารประเภทปลาและสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เช่น เคย, แพลงก์ตอน และเป็นวาฬที่รู้จักการหาอาหารร่วมกัน เช่น การไล่ต้อนฝูงปลา เป็นต้น โดยจะกินอาหารมากถึงวันละ 1 ตัน วาฬหลังค่อมเพศเมียตกลูกทุก 2-3 ปี มีระยะเวลาตั้งท้องนาน 11 เดือน ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ลูกวาฬจะกินนมจากแม่เป็นปริมาณ 100 แกลลอนทุก ๆ วัน

เมื่อเรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับวาฬหลังค่อมแล้ว ที่นี้เรามาดูกันว่าเราจะสามารถเห็นวาฬชนิดนี้แบบตัวเป็นๆ ไม่ได้อยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ไหนกันได้บ้าง




สถานที่แห่งนี้เป็น 1 ในสถานที่ที่สามารถเห็นวาฬหลังค่อมได้ คือใกล้ๆ กับเกาะฮะจิโจจิมะ (八丈島 หรือ はちじょうじま ) ที่ห่างจากโตเกียวไปทางใต้ประมาณ 290 กิโลเมตร โดยเมื่อประมาณเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว “วาฬหลังค่อม” ได้ปรากฏตัวเป็นจำนวนมากเป็นครั้งแรกเลย แล้วเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นวาฬว่ายน้ำพร้อมกับ “พ่นน้ำขึ้นมา” เพื่อหายใจ ตื่นเต้นมาก

แล้วก็มีผู้คนจำนวนมากได้มาที่เมืองฮะจิโจมัตจิ (八丈町) เพื่อดูวาฬกัน แล้วก็มีการเปิดคอร์สเรียนรู้เกี่ยวกับวาฬให้กับชาวเมืองด้วย โดยมีเหล่าผู้คนอย่างพวกร้านค้าสอนดำน้ำ แล้วก็สถานที่ราชการของท้องถิ่นราวๆ 60 คนได้มารวมตัวกันเพื่อฟังศาสตราจารย์คาโต้ ฮิเดะฮิโระแห่งมหาวิทยาลัย Tokyo University of Marine Science and Technology บรรยาย

ศาตราจารย์คาโต้ได้บรรยายไว้ว่า ที่ผ่านนั้นวาฬหลังค่อมจะมาที่เกาะโอกาซาวาระ (Ogasawarashotou) และที่โอกินาว่า (Okinawa) ที่อยู่ค่อนไปทางใต้ของเกาะฮะจิโจจิมะ เพื่อที่จะออกลูก แต่ว่าก็ได้มีวาฬที่มาออกคลอดลูกใกล้ๆ กับเกาะฮะจิโจจิมะด้วย

พวกคนที่เข้าร่วมการประชุมนั้นก็ได้เล่าเรื่องราวอย่างเช่นตอนที่ดำน้ำหรือว่ายน้ำไปด้วยกันกับวาฬแล้วจะเกิดอันตรายอย่างไรบ้างด้วย 1 ในคนเหล่านั้นได้เล่าให้ฟังว่า “จะรู้สึกดีใจมากๆ เลย ถ้าต่อจากนี้ไปมีวาฬมาว่ายน้ำเล่น จะทำให้มีคนที่มาเที่ยวที่เกาะนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย”

นอกจากมาดูวาฬแล้ว กิจกรรมสำหรับพักผ่อนบนเกาะแห่งนี้มีความหลากหลายตั้งแต่บ่อน้ำพุร้อน ทานอาหาร ดำน้ำ ตกปลา เดินเขา และท่องเที่ยวที่ "พาวเวอร์สป็อต" ต้นปาล์มที่ขึ้นเรียงรายไปตามถนนและดอกชบาสีแดงสดในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคมทำให้รู้สึกถึงความเป็นเกาะเขตร้อนได้มากขึ้น







เทศกาลดอกฟรีเซียกลับมาที่เกาะอีกครั้งพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นไปทั่วทุกหนแห่ง เพียงแค่ได้ชมสีสันของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานก็นับว่าได้ผ่อนคลายอารมณ์แล้ว บางแห่งนักท่องเที่ยวสามารถเก็บดอกฟรีเซียได้ฟรี เพลิดเพลินกับการชมความงดงามของทุ่งดอกไม้ที่พิธีชงชากลางแจ้ง ดอกฟรีเซียและของที่ระลึกมีวางขายที่ตลาดขายของพื้นเมืองของฮะจิโจจิมะ และยังมีโอกาสได้รับดอกฟรีเซียฟรีจากการจับฉลากเมื่อเดินทางขึ้นเครื่องบินหรือเรือในช่วงเวลาที่มีแคมเปญ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมปลาย – เมษายนต้น





นักท่องเที่ยวมักนิยมไปเกาะฮาชิโจจิมะในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม เพราะอุณหภูมิของน้ำทะเลจะอุ่นในช่วงเวลานี้ เกาะฮาชิโจจิมะมีจุดสำหรับการดำน้ำมากมาย จุดดำน้ำที่น่าสนใจจุดหนึ่งที่อยู่ถัดจากท่าเรือไปคือ จุดดำน้ำโซโกโดะ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีปะการังอ่อนและปะการังแข็งอยู่มากมาย และมีสิ่งที่น่าสนใจคืออุโมงค์ยักษ์และรอยแยกที่อยู่ใกล้กับผิวน้ำบริเวณนั้น อันเป็นสถานที่ดำน้ำชมความงามและสัตว์น้ำนานาพันธุ์ เมื่อดำน้ำไปได้ซักพักคุณจะพบกับส่วนเว้าของอ่าวที่ความลึก 3 เมตร แล้วคุณจะสามารถว่ายน้ำต่อไปเป็นเส้นตรงผ่านหินปูต่างๆเพื่อไปยังสะพานหินโค้งใต้น้ำ พื้นผิวใต้น้ำนั้นเป็นหิน และมีทัศนวิสัยไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ทว่าจุดเด่นก็คือสะพานหินโค้งต่างๆใต้น้ำที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของภูเขาไฟนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำมากมาย อาทิ ปลาผีเสื้อ ปลาปากนกแก้ว ทากทะเล และหอยเม่น








  

Posted by mod at 14:13Comments(0)