インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き › 2015年12月

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2015年12月17日

水族館に「くらげ」を入れたグラスのクリスマスツリー ต้นคริสมาสต์แมงกะพรุน

เพื่อนๆ คนไหนชอบไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบ้างคะ ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบมากๆ ตอนเด็กๆ ถ้าไปบางแสนจะต้องแวะเข้าไปดูเกือบทุกครั้ง แม้กระทั่งตอนไปญี่ปุ่นก็ยังได้ไปเยี่ยมชมเลย แต่เสียดายวันที่ไปมีคนเยอะมากๆๆๆๆ ก็เลยดูสัตว์น้ำไม่ค่อยชัด เห็นแต่ปลาหัวคน 555  




แต่วันนี้จะพาไปรู้จักกับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอูมิคิระระ (Umi Kirara) กันค่ะ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในภาษาญี่ปุ่น เราจะเรียกกันว่า “水族館(すいぞくかん)” (Suizokukan)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอูมิคิระระ (Umi Kirara) ตั้งอยู่ในบริเวณ คุจูคุชิมะ เพิร์ลซี รีสอร์ท ( Kujyukushima Pearl Sea Resort )ในเมืองซาเซโบะ (Sasebo) จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki)

ที่นี่เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และแหล่งรวบความบันเทิง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ และยังมีโดมแสดงแมงกะพรุนมากกว่า 100 ชนิดซึ่งเรียกว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ออกแบบมาให้มีแสงสว่างจากธรรมชาติส่องลงมาได้ เมื่อแหงนมองขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นปลาจำนวนมากแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า






แล้วไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ โชว์ปลาโลมาแสนรู้ และยังมีชุดการแสดงความสามารถพิเศษมากมายที่หาชมได้ยาก
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุกอย่างเพลิดเพลินเช่น การให้อาหารปลา และกิจกรรมแกะหอยมุกซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะนำหอยมุกนั้นไปทำเป็นเครื่องประดับชนิดไหนได้อีกด้วย





แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้ไปเที่ยวในช่วงใกล้ๆ คริสมาสต์นี้ เราก็จะได้เห็นต้นคริสมาสต์ที่ทำจากแก้วไวน์ที่ใส่แมงกะพรุนไว้ แล้วก็ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ จะมีแมงกะพรุนราวๆ 30 ชนิดที่อาศัยอยู่ในทะเลที่จังหวัดนางาซากิ โดยเขาจะนำแมงกะพรุนขนาดตัวราวๆ 3 ซม. จำนวน 67 ตัวบรรจุลงไปในแก้วที่ใช้ดื่มไวท์ แล้วนำแก้วจำนวนดังกล่าวมาตั้งวางเรียงกัน 5 ชั้นให้เป็นรูปทรงคล้ายกับต้นคริสมาสต์ โดยจะมีความสูงอยู่ที่ 2 เมตร เราจะเห็นแมงกะพรุนเปล่งแสงเป็นสีแดงและสีเขียวระยิบระยับเป็นประกายสวยงาม





แมงกะพรุนในภาษาญี่ปุ่นเรียกกันว่า “くらげ” (Kurage)




หนุ่มไต้หวันถึงกับเอ่ยปากว่า “มันดูแปลกตา แล้วก็สวยงามมากๆ” ต้นคริสมาสต์ต้นนี้จะจัดแสดงอยู่จนถึงวันที่ 25 เดือน ธ.ค.นี้ ถ้าใครมีโอกาสไปดู อย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันด้วยนะคะ  

Posted by mod at 19:42Comments(0)

2015年12月16日

新しい国立(こ競技場 2つのグループの計画を発表 เผยแปลนการสร้างสนามก๊ฬาโอลิมปิก 2 แบบ

อย่างที่เราๆ ได้ทราบกันแล้วถึงปัญหาการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติแห่งใหม่ของญี่ปุ่นเพื่อรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตามข่าวนั้นญี่ปุ่นได้ยกเลิกใช้แบบก่อสร้างสนามกีฬาโอลิมปิก 2020 ของซาฮา ฮาดิด สถาปนิกชาวอังกฤษเชื้อสายอิรัก เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จากปัญหาค่าก่อสร้างที่บานปลายเกือบ 2 เท่าจากงบประมาณเดิม รวมทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ถึงเรื่องขนาดและรูปทรงของสนามกีฬาที่ดูแปลกตา


หลังจากได้มีการขอปรับแบบใหม่ส่วนหนึ่งและให้ใช้วัสดุที่มีราคาถูกลงให้อยู่ภายในวงเงินรวม 252,000 ล้านเยน ซึ่งกระนั้นก็ตาม ยังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ งบประมาณก่อสร้างที่บานปลายจากเดิมที่ประกาศไว้เกือบ 2 เท่า และแหล่งเงินงบประมาณโดย MEXT ได้ให้เหตุผลของการบานปลายของงบประมาณ ว่า เกิดจากการที่สนามกีฬาดังกล่าวมีโครงสร้างที่มีรูปโค้งขนาดใหญ่ การที่ค่าวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างแรงงานเพิ่มสูงขึ้น และการปรับขึ้นของอัตราภาษีผู้บริโภค


แต่แล้วก็ได้มีการตกลงใจในการรับสมัครผู้ออกแบบ/ผู้รับเหมาก่อสร้างสำหรับแผนงานการสร้างสนามกีฬาแห่งชาติแห่งใหม่ที่จะใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่โตเกียวในปี 2020 อีกครั้ง

แต่วงเงินที่ต้องใช้ในการก่อสร้างนั้นสูงถึง 252,000 ล้านเยน จึงได้มีการทบทวนและรวบรวมแผนงานการก่อสร้างใหม่ขึ้นมา

เมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาของญี่ปุ่นคือ JSC = Japan Sport Council ได้เผยแผนการสร้างสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งใหม่ ในกรุงโตเกียวเป็น 2 แบบทางเว็บไซด์ที่จะคัดเลือกเอาแบบของผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวในเดือนนี้ เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างสนามแห่งใหม่ ที่มีคอนเซปต์ในการเข้าถึงผู้พิการและเด็กอีกด้วย ทั้งยังต้องการให้รองรับผู้ชมได้ถึง 80,000 คน

แล้วก็มีแผนการในการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย.ปี 2019 โดยมูลค่าการก่อสร้างทั้ง 2 แบบอยู่ที่ประมาณ 150,000 ล้านเยน




โดยสนามกีฬาแบบ A มาในธีม “สนามกีฬาสีเขียวที่เต็มไปด้วยต้นไม้” ซึ้งจะมีความสูงอยู่ที่ 50 เมตร เน้นพื้นที่สีเขียวรอบสนาม แล้วหลังคาก็ใช้เป็นต้นไม้ด้วย

ขณะที่แบบ B มาในธีม “จารีตประเพณีใหม่แห่งศตวรรษที่ 21” โดยมีความสูง 54.3 เมตร ที่จะใช้เสาไม้สูงขนาด 19 ซม. 72 ต้นและสร้างออกมาในรูปทรงคล้ายกับภาชนะสีขาว ซึ่งมาพร้อมศูนย์กีฬาใต้ดิน

แล้วทาง JSC ยังมีหมายกำหนดการที่จะตัดสินใจเลือกแผนการก่อสร้างแบบใดแบบหนึ่งภายในสิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้ด้วย
  

Posted by mod at 19:40Comments(0)

2015年12月15日

消費税を10%にするとき食品は8%のまま ญี่ปุ่นปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10%

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องปากท้องกันบ้างนะคะ เพราะว่าในชีวิตประจำวันของเราๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้วจากการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ
ภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น




ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “消費税” (しょうひぜい - Shoohizei) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า แวต เป็นภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการ โดยจัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนของการผลิต การจำหน่ายหรือการให้บริการ โดยในแต่ละประเทศก็จะกำหนดไว้ต่างกัน อย่างในประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 10% แต่ทั้งนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% เป็นประจำทุกปี

ส่วนประเทศญี่ปุ่นที่เรามักจะชอบไปเที่ยวกันบ่อยๆ นั้น ในตอนนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 8% แต่นับจากเดือนเม.ย.ปี 2017 เป็นต้นไป มีแผนการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10%




แต่ทางรัฐบาลเองก็คิดว่าภาษีมูลค่าเพิ่มเกี่ยวกับสินค้าบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตจะยังคงตรึงไว้ให้ต่ำ

สินค้าบริโภคคือ “食品”(しょくひんーshokuhin)




ดังนั้น พรรครัฐบาลจึงได้มีการปรึกษาหารือกัน แล้วคิดว่าตอนที่มีการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 10% นั้น “อาหารสด” และ “อาหารแปรรูป” จะยังคงยืนอยู่ที่ 8% เช่นเดิม ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มของ “สุรา” และ “การกินอาหารนอกบ้าน” จะเพิ่มขึ้นเป็น 10%

อาหารสดคือ “生鮮食品” (せいせんしょくひんーseisenshokuhin)



อาหารแปรรูปคือ “加工食品” (かこうしょくひんーkakoushokuhin)



การกินอาหารนอกบ้านคือ “外食” (がいしょくーgaishoku)



แต่ในการตรึงภาษีมูลค่าเพิ่มเกี่ยวกับ “อาหารสด” และ “อาหารแปรรูป” ให้คงอยู่ที่ 8% เช่นเดิมนั้นจะต้องใช้เงินถึง 1 ล้านล้านเยนกันเลยทีเดียว ส่วนวิธีการในการเตรียมเงินก้อนนี้อย่างไรนั้นจะมีการคิดและตกลงกันภายในเดือนมี.ค.ปี 2017 ถึงอย่างไรก็คิดว่าไม่น่าจะกระทบกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแต่อย่างใด
  

Posted by mod at 16:03Comments(0)

2015年12月14日

国王の姫路城8か月で222万人が見に来た ชมปราสาทฮิเมะจิ 1 ใน 3 ปราสาทสวยที่สุดในญี่ปุ่น

วันจันทร์แบบนี้ ทุกคนคงได้พักผ่อนเต็มที่กับเสาร์อาทิตย์มาแล้ว เดินหน้าทำงานกันเต็มพลังเลยนะคะ

แต่ขอแอบพาเที่ยวปราสาท 1 ใน 3 ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นกันหน่อยนะคะ




ปราสาทฮิเมะจิเป็นปราสาทญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมะสึโมะโตะ และปราสาทคุมะโมะโตะ และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า "ปราสาทนกกระสาขาว" หรือ ฮะคุระโจะ ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่าง




ในปัจจุบันปราสาทฮิเมะจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นและมรดกโลกและได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยตั้งอยู่ในเมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538

แต่เนื่องจากมีการปิดซ่อมแซมหลังคา จึงทำให้ไม่สามารถเข้าชมปราสาทได้เป็นนานถึง 5 ปี

แล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ ก็สามารถกลับมาเข้าชมได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากหลั่งไหลมาชมปราสาทฮิเมะจิอย่างเนืองแน่นทุกวัน

จากข้อมูลของเมืองฮิเมะจิได้กล่าวว่า มีคนที่มาชมปราสาทฮิเมะจิในรอบปี 2015 ถึงประมาณ 2,220,000 คนในวันที่ 9 ธ.ค.นี้


ที่ผ่านมา ปราสาทที่คนมาเที่ยวชมมากที่สุดใน 1 ปีตั้งแต่เดือนเม.ย.คือปราสาทคุมาโมโตะ ในจังหวัดคุมาโมโตะ โดยมีคนมาในรอบปี 2008 ถึง 2,219,000 คน

แต่ในปีนี้ ปราสาทฮิเมะจินั้นมีคนมาเยี่ยมชมมากกว่าปราสาทคุมาโมโตะในช่วงระยะเวลา 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ถึงวันที่ 9 ธ.ค.นี้

เมืองฮิเมะจิได้ประดับประดาม่านผืนใหญ่ที่เขียนมีคนมาเยี่ยมชมปราสาทมากถึง 2,220,000 คนที่ประตูของปราสาทในวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา

นายอิชิคาว่า ฮิโรกิซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานปกครองดูแลปราสาทฮิเมะจิได้กล่าวว่า “อยากจะให้มีคนเข้ามาชมปราสาทให้ได้ถึง 2,500,000 คนภายในเดือนมี.ค. ของปีหน้าให้ได้”

นอกจากความงามของปราสาทแล้ว ยังมีตำนานเล่าขานสุดสยองด้วย

นั่นก็คือ บ่อน้ำที่สิงสถิตย์ของวิญญาณโอะกิคุ




ปราสาทฮิเมะจิ ยังเป็นสถานที่ ๆ เป็นที่รู้จักกันดีในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับผีที่ขึ้นชื่อ เรื่อง "ผีนับจาน" หรือ ซะระยะชิกิ คือ เรื่องราวของโอะกิคุ สาวใช้ของซามูไรผู้หนึ่งที่ทำจานล้ำค่าของตระกูลซามูไรแตก จึงถูกลงโทษด้วยการโยนร่างลงในบ่อน้ำ โดยในเวลาค่ำคืนจะมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงโหยหวนดังมาจากบ่อน้ำเป็นเสียงนับจานช้า ๆ จนครบเก้าใบ ซึ่งบ่อน้ำนี้ยังปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามตำนานนี้ยังมีการเล่าขานในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปด้วย ทั้งยังได้รับการดัดแปลงเป็นบทละครคาบูกิอีกด้วย



เริ่มจากตำนานที่นำไปดัดแปลงเป็นละครคาบูกิก่อน เล่าว่า โอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอกนำชุดด้วยการนำชุดเรื่องจานราคาแพงจากดัตช์มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เทสซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด


บางตำนานก็เล่าว่า เป็นเทสซันเองที่โมโหจัดจนฆ่าเธอเองกับมือ แล้วโยนศพทิ้งลงบ่อน้ำ แต่เรื่องก็ไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เพราะถึงตอนกลางดึก ณ บ่อน้ำในปราสาทนั้นเอง จะปรากฏร่างสีขาวซีดของโออิคุอยู่ข้างบ่อน้ำนั้น แล้วเริ่มออกเสียงนับจานอย่างช้าๆ กระทั่งนับถึงใบที่ 9 เธอจะเริ่มร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวนจนชวนขนลุก เป็นเช่นนี้อยู่ทุกค่ำคืนจนกระทั่งอาโอยามา เทสซันเสียสติ เป็นบ้าไปในที่สุด



อีกตำนานเล่าว่า ตระกูลอาโอยาม่าวางแผนจะโค่นล้มอำนาจของเจ้าเมือง โอคิคุบังเอิญไปได้ยินแผนการเข้า เธอจึงไปเล่าให้คนรักของเธอฟัง ซึ่งคนรักของเธอเป็นทหารเจ้าเมือง แผนการของอาโอยาม่าจึงถูกเปิดโปงและล้มเหลวในที่สุด เมื่ออาโอยาม่ารู้ว่าโอคิคุเป็นคนแอบได้ยินเรื่องแผนการ เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผนล้มเหลว อาโอยาม่าจึงวางแผนจะสังหารเธอซะ โดยใส่ความโอคิคุว่า เธอขโมยจานที่ล้ำค่าไป 1 ใบซึ่งในชุดจานนั้นจะมี 10 ใบด้วยกัน โอคิคุถูกทรมานจนตาย และถูกทิ้งศพลงบ่อน้ำ


มีอีกหนึ่งตำนานเล่าว่า เป็นภรรยาของอาโอยามาเองที่ทำจานแตกไปหนึ่งใบ ด้วยกลัวความผิดจึงโยนจานที่แตกนั้นลงบ่อน้ำ แล้วกล่าวหาว่าโอคิคุเป็นผู้ขโมยไป แต่ไม่ว่าเรื่องเล่าจะเป็นเช่นไร บทสรุปของเรื่องราวล้วนจบลงด้วยความตายของนางโอคิคุทั้งสิ้น




บ่อน้ำของโอคิคุที่ปราสาทฮิเมจิ แต่ก็มีที่อ้างถึงอีกแห่ง คือบ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอาโอยาม่า








  

Posted by mod at 16:52Comments(0)

2015年12月11日

 双子のパンダが元気で1歳になりました ฉลองครบรอบ 1 ขวบให้กับแพนด้าแฝด

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ

วันนี้เราจะไปกันที่สวนสัตว์วากายามะ แอดเวนเชอร์เวิร์ลด์ ในเมืองชาราฮามะ ของจังหวัดวากายามะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่นกันนะคะ จะพาไปฉลองวันเกิดย้อนหลังให้กับลูกแพนด้าฝาแฝดที่ลืมตาดูโลกเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ทำให้จำนวนสมาชิกแพนด้าในสวนสัตว์เพิ่มเป็น 7 ตัวตามโครงการขยายพันธุ์แพนด้าซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำ

ตอนที่แพนด้าแฝดน้อยเพศเมีย เกิดมามีน้ำหนักตัวละเกือบ 200 กรัม ขนาดตัวเพียง 21-22 เซนติเมตร (ประมาณ 8 นิ้ว) ค่ะ แพนด้าคู่นี้เกิดจากแม่แพนด้ายักษ์ชื่อ โรฮิน อายุ 9 ปี ถือเป็นลูกแพนด้าฝาแฝดคู่ที่ 2 ที่เกิดในญี่ปุ่น




สวนสัตว์วากายามะ เป็นหนึ่งในศูนย์ผสมพันธุ์แพนด้ายักษ์ที่มีผลิตผลมากที่สุดของญี่ปุ่น แพนด้าแฝดคู่นี้เกิดจากการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติไม่ใช่เกิดจากการผสมเทียมอีกด้วย พ่อของแพนด้าแฝดเป็นแพนด้ายักษ์เกิดในจีนอายุ 18 ปี ชื่อ เอเม่ย

แพนด้าแฝดคู่นี้มีชื่อน่ารักๆ ว่า ตัวพี่ชื่อ "โอฮิน" (桜浜) ตัวน้องชื่อ "โทฮิน"(桃浜)




แต่ปีนี้แพนด้าแฝดน้อยอายุครบ 1 ขวบแล้ว สวนสัตว์ได้จัดงานฉลองวันเกิดให้ “โอฮิน” กับ “โทฮิน” เป็นเวลา 3 วัน พอ “โอฮิน” กับ “โทฮิน” ปรากฏตัวออกมา ผู้ที่มาเที่ยวสวนสัตว์ราวๆ 500 คนก็ส่งเสียงตะโกนอวยพรด้วยความดีใจ สวนสัตว์ได้มอบเค้กน้ำแข็งเป็นรูปเลข “1” ให้เป็นของขวัญในวันเกิดอายุ 1 ปี แพนด้าแฝดต่างเลียขนมเค้กด้วยท่าทางสนุกสนาน เบิกบานใจ นอกจากนั้น สวนสัตว์ยังได้มอบเครื่องเล่นชิ้นใหม่ที่ให้แพนด้าสามารถปีนขึ้นไปเล่นได้ให้ด้วย









ในตอนนี้ “โอฮิน” มีน้ำหนัก 30.0 กิโลกรัม ส่วน “โทฮิน” มีน้ำหนักตัว 29.6 กิโลกรัม แล้วก็แข็งแรงมากด้วยค่ะ

ใครไปเที่ยวแถวๆ จังหวัดวากายามะ ก็อย่าลืมไปเยี่ยมแพนด้าแฝดกันด้วยนะคะ


  

Posted by mod at 15:46Comments(0)

2015年12月09日

ことし人気になった食べ物は「おにぎらず」 อาหารที่กลายเป็นที่นิยมของปีนี้คือ “Onigirazu”

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องของกินบ้าง เพื่อนๆ รู้จัก おにぎり (Onigiri ข้าวปั้น) มัยคะ คิดว่าต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะสมัยนี้หากินได้ง่ายมาก ในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 หรือ Lawson ก็มีขายกันนะคะ แต่ถ้าเอ่ยชื่อ おにぎらず (Onigirazu) ยังรู้จักกันอยู่มัยเอ่ย

สำหรับฉันตอนแรกก็ไม่รู้ค่ะ แต่จะเรียกว่าเป็นพี่น้องของ おにぎり ก็ว่าได้ เพราะว่า おにぎらず จะใช้วัตถุดิบเดียวกับ Onigiri อย่างเช่นผัก, เนื้อสัตว์หรือปลาที่ย่างแล้วกับข้าวและสาหร่ายมาทำ คือเราก็จะวางอย่างเช่นปลาและข้าวลงบนสาหร่ายแล้วม้วนค่ะ แต่ส่วนที่ต่างจาก おにぎり คือสามารถทำได้ง่ายกว่า เพราะว่าไม่ต้องปั้นนั่นเอง ดังนั้นก็เลยได้มาเป็นชื่อของอาหารชนิดนี้

คำว่า にぎらず มีความหมายเท่ากับ にぎらないで คือไม่ต้องปั้นนั่นเอง




แต่จะว่าไปอาหารชนิดนี้ก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นนะคะ "おにぎらず" นั่นได้เคยปรากฏอยู่ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง “Cooking Papa” หรือในชื่อไทยว่า "คุณพ่อยอดกุ๊ก" (มีการทำเป็นหนังการ์ตูนฉายทางช่อง ibc) กับ "พ่อครัวหัวป่าก์" (ฉายช่อง 3) เมื่อ 25 ปีก่อน




การ์ตูนเรื่องนี้เขียนโดย Tochi Ueyama ลงในหนังสือ Morning ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปัจจุบัน เป็นการ์ตูนสอนทำอาหาร เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อที่เป็นพนักงานบริษัทแต่กลับมีฝีมือในการทำอาหารชั้นยอด เคยทำเป็นอนิเมะฉายทาง TV ในช่วงปี 1992 - 1995 ด้วย แล้วก็ถือว่าเป็นการ์ตูนเรื่องยาวที่ติดอันดับ Top 10 ด้วยนะคะ โดยรั้งตำแหน่งอยู่ที่อันดับ 4 ด้วยจำนวน 104 เล่ม

สำหรับเมนู "おにぎらず" ปรากฎอยู่ในหนังสือเล่มที่ 22




แต่จากการสำรวจของบริษัทในกรุงโตเกียวที่สำรวจเกี่ยวกับอาหารได้ออกมาเปิดเผยว่า "おにぎらず" เป็นอาหารยอดนิยมแห่งปีนี้เลย แล้วที่กลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมสูงมากขึ้นตั้งแต่เข้าปี 2015 นั่นก็เพราะว่าได้รับการแนะนำจากเหล่าเว็บไซต์แนะนำอาหารต่างๆ มากมาย



นอกจากนั้นก็ยังทำให้หนังสือที่สอนวิธีการทำและสาหร่ายที่ใช้ทำ "おにぎらず"ขายดิบขายดีไปด้วย






ที่นี้เราลองมาดูวิธีการทำ "おにぎらず" กันนะคะ เผื่อใครจะลองนำไปทำทานกัน

ก่อนอื่นก็คงต้องมีทักษะพื้นฐานในการทำ おにぎり มาบ้าง




1.ตักข้าววางลงบนสาหร่ายและเกลี่ยข้าวให้กระจายทั่ว ใส่ใส้ที่ต้องการ




2.ห่อสาหร่ายให้เป็นรูปสีเหลี่ยมเท่านี้ก็เสร็จแล้วค่ะ ง่ายมัยคะ ไม่ต้องปั้นเลย



สรุปรวมขั้นตอนการทำง่ายๆ














  

Posted by mod at 15:49Comments(0)

2015年12月08日

オリンピックのマーク 14599のデザインが集まる เกาะติดการตัดสินตราสัญญลักษณ์กีฬาโอลิมปิก ปี 2020

เรามาติดตามความคืบหน้าของตราสัญลักษณ์ประจำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 กันนะคะ


อย่างที่เราได้ทราบๆ กันว่าญี่ปุ่นประกาศยกเลิกการใช้ตราสัญลักษณ์ประจำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่จะจัดขึ้นในกรุงโตเกียวแล้ว หลังมีกระแสข่าวว่าผู้ออกแบบได้ลอกเลียนผลงานดังกล่าวจากอินเทอร์เน็ต

ดังนั้น คณะกรรมการโอลิมปิกของญี่ปุ่นได้ออกมาระบุว่า สาเหตุที่ยกเลิกโลโก้มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่เคยได้ตัดสินคัดเลือกไปเมื่อเดือน ก.ค. ปีนี้ไปแล้ว 1 ครั้ง แต่เนื่องจากมีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับผลงานการออกแบบชิ้นนี้ และคาดว่าตราสัญลักษณ์ดังกล่าวจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ดังนั้นจึงตัดสินใจให้มีการออกแบบตราสัญลักษณ์กีฬาโอลิมปิก และกีฬาพาราลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพขึ้นมาใหม่




ภาพประกอบ : ภาพเปรียบเทียบระหว่างตราสัญลักษณ์โอลิมปิก 2020 ที่ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนมา กับผลงานต้นฉบับของนักออกแบบชาวเบลเยี่ยม

โดยได้มีการเปิดรับการออกแบบใหม่มาตั้งแต่วันที่ 24 เดือนพ.ย.จนถึงวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

เพราะว่าในตอนที่คัดเลือกการออกแบบครั้งแรกนั้นมีเงื่อนไขที่เข้มงวด จึงมีการออกแบบที่ส่งเข้ามาร่วมประกวดแค่ 104 ชิ้นเท่านั้น


แต่ในครั้งได้เปิดโอกาสให้คนต่างชาติ หรือกรณีส่งเข้าประวดเป็นกลุ่มได้ด้วย จึงทำให้เด็กๆ สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ด้วย จึงสามารถรวบรวมการออกแบบได้ถึง 14,599 ชิ้นทีเดียว

ในคราวนี้จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 100-200 ชิ้นภายในสิ้นปีนี้ แล้วจะคัดเลือกจากบรรดาการออกแบบนั้นให้เหลือ 3-4 ชิ้นในการประชุมในเดือน ม.ค.ปีหน้า


แล้วก็ มีกำหนดการที่จะตัดสินเครื่องหมายใหม่ในราวๆ ฤดูใบไม้ผลิของปีหน้าค่ะ

ติดตามตอนต่อไปนะคะ  

Posted by mod at 16:59Comments(0)

2015年12月07日

石鹸の泡で洗うことができるスマートフォン  สมาร์ทโฟนที่สามารถใช้น้ำสบู่ล้างทำความสะอาดได้

เพื่อนๆ เคยทำโทรศัพท์มือถือตกลงไปในจานอาหารหรือเปื้อนหนักๆ จนอยากจะนำโทรศัพท์ไปล้างทำความสะอาดบ้างมัยคะ สำหรับฉันอยากมากเลยค่ะ แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ ตอนนี้ญี่ปุ่นได้คิดค้นสมาร์ทโฟนที่สามารถล้างได้แล้วค่ะ




ในขณะนี้บริษัทที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของญี่ปุ่น KDDI ได้ร่วมมือกันกับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ Kyocera ผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นกันน้ำได้ เรียกว่า Digno Rafre นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำสบู่ แถมถ้าคุณเป็นคนชอบนอนแช่อาบน้ำอุ่นแล้วล่ะก็ ไม่ต้องกังวลใจเลย เพราะ Digno Rafre ออกแบบมาให้ทนทานต่อน้ำร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 43 องศา แล้วทาง KDDI ยังการันตีด้วยว่า โทรศัพท์รุ่นนี้กันน้ำได้ดีเยี่ยม ถึงขนาดที่สามารถนำสบู่มาฟอกทำความสะอาดตัวเครื่องได้เลย เพราะกลุ่มนักพัฒนาได้ทำลองนำโทรศัพท์รุ่นนี้มาทำความสะอาดด้วยสบู่มากถึง 700 ครั้ง ในขั้นทดลอง ทั้งนี้เพื่อทำให้สมาร์ทโฟนไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ติดกับผู้ใช้มากที่สุด




โดยเฉพาะกับเด็กที่ชอบหยิบโทรศัพท์พ่อ-แม่มาเล่น หรือชอบนำโทรศัพท์มือถือใส่เข้าไปในปาก ก็สามารถสบายใจได้ว่าจะปลอดภัยสำหรับลูกน้อย
หรือแม้แต่ในขณะที่ทำครัวหรือประกอบอาหารอยู่ก็สามารถสัมผัสหน้าจอได้ทั้งมือที่เปียกๆ


จากข้อมูลของบริษัท KDDI นั้นฟองของสบู่จะเข้าไปด้านในของสมาร์ทโฟนได้ง่ายกว่าน้ำ ดังนั้น ทางบริษัท KDDI จึงเปลี่ยนบริเวณฝาครอบ (=กรอบ) หรือบริเวณที่เสียบอย่างเช่นหูฟังใหม่ เพื่อทำให้ฟองเข้าไปด้านในได้ยากขึ้น

คุณยามาดะ อากิระที่ทำงานอยู่ที่บริษัท KDDI ที่คิดค้นสมาร์ทโฟนรุ่นี้ได้กล่าวว่า “เพราะว่าผมเองก็มีลูก เด็กๆ มักจะชอบเอาของต่างๆ ใส่ปาก ก็คิดว่าอยากจะล้างทำความสะอาดสมาร์ทโฟน ก็เลยคิดและผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ขึ้นมา"




ด้านตัวแทนบริษัทผู้ผลิตกล่าวว่า จุดประสงค์ของสมาร์ทโฟนทำความสะอาดได้นั้นคือ อยากให้พ่อ-แม่ ผู้ปกครองมีโทรศัพท์ที่สะอาด ปราศจากเชื้อแบคทีเรียทุกครั้งที่ลูกๆของพวกเขาเผลอหยิบไปเล่น สำหรับราคาจำหน่ายนั้นอยู่ที่เครื่องละ 175 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 6,200 บาท

แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจไปว่าสบู่ทุกยี่ห้อจะสามารถล้างสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้เสมอไป เพราะทางผู้ผลิตบอกว่าต้องใช้สบู่เฉพาะที่กำลังจะมีออกวางขายในประเทศญี่ปุ่นต่อไป










  

Posted by mod at 16:21Comments(0)

2015年12月04日

お歳暮に使う大きなえびを箱に入れる仕事が始まる ของขวัญช่วงสิ้นปี

ในประเทศญี่ปุ่นจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่เรียกว่า “お歳暮 (せいぼ)” คือเป็นธรรมเนียมการมอบของขวัญในช่วงสิ้นปีซึ่งอยู่ในช่วงฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น โดยจะมอบให้กับพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน อาจารย์ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้มีอุปการะคุณสำหรับความช่วยเหลือในปีที่ผ่านมาในช่วงเดือน ธ.ค.

ที่ร้านค้าที่ขายอย่างเช่นปลาในเมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ จะใส่กุ้งตัวใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่า “伊勢えび (Ise-ebi) หรือ “กุ้งมังกรญี่ปุ่น” ที่ยังเป็นๆ อยู่ลงในกล่องแล้วส่งให้ลูกค้าเป็นของขวัญที่ส่งให้แก่ผู้มีพระคุณในช่วงปลายปี




กุ้งมังกรญี่ปุ่น (อังกฤษ: Japanese spiny lobster; ญี่ปุ่น: イセエビ(伊勢蝦/伊勢海老); อิเสะ-อิบิ เป็นครัสเตเชียนชนิดหนึ่ง จำพวกกุ้งมังกร (Palinuridae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panulirus japonicus

เป็นกุ้งมังกรที่มีเปลือกและส่วนหัวเป็นสีส้มเข้มหรือสีแดง ขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาวได้มากกว่า 30 เซนติเมตร หรือหนึ่งฟุต อาศัยอยู่ตามโขดหินในทะเลรอบ ๆ ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลี และไต้หวันเป็นกุ้งที่ออกหากินในเวลากลางคืน

ที่ญี่ปุ่น สถานที่ ๆ ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีกุ้งมังกรญี่ปุ่นชุกชุมและขึ้นชื่อมากที่สุด คือ อ่าววะกุ ในเขตเมืองชิมะ จังหวัดมิเอะ ทางตอนใต้ของประเทศ โดยชาวประมงจะวางลอบดักกุ้งในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่กุ้งออกหากิน และกลับมาดึงอวนในเวลาเช้าตรู่ ในการวางอวนแต่ละครั้งจะวางประมาณ 10 จุด ในแต่ละจุดจะมีกุ้งมังกรญี่ปุ่นติดมาประมาณ 100 ตัว

กุ้งมังกรญี่ปุ่นซาชิมิ


กุ้งมังกรญี่ปุ่น จัดเป็นอาหารทะเลที่รสชาติอร่อย เนื้อขาวมีรสหวาน และมีราคาซื้อขายที่แพงมาก สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารต่าง ๆ ได้มากมาย โดยการรับประทานในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม คือ การรับประทานสด ๆ แบบซาชิมิ โดยตัดส่วนหัวของกุ้งแยกออกจากลำตัว เมื่อรับประทานเนื้อสด ๆ ต้องรับประทานร่วมกับมันกุ้งที่แคะออกจากส่วนหัวด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ และการใช้ไม้แหลมเสียบทะลุตัวกุ้งจากส่วนท้าย แล้วนำไปย่างสด ๆ โรยเกลือทั้งที่กุ้งยังเป็น ๆ อยู่ เพื่อรับประทานเป็นกุ้งมังกรญี่ปุ่นโรยเกลือ




แล้วการทำงานที่ใส่กุ้งลงในกล่องก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เดือนธ.ค. ที่ผ่านมา

คนที่ทำงานในร้านค้าจะต้องใส่กุ้งลงไปในกล่องอย่างทนุถนอมในขณะที่ต้องพยายามไม่ทำให้ขาหรือหนวดของกุ้งหักเสียหาย




โดยในปีนี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้กุ้งขนาด 4 ตัวมีราคาตกอยู่ที่ราวๆ 1 หมื่นเยนถึง1 หมื่น 5 พันเยน

คนที่ทำงานในร้านค้ากล่าวว่า “อยากให้คนได้กินกุ้งอิเซะตัวนี้เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่จะมีอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิต




แต่ปัจจุบันนี้การทำงานของคนญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด งานการเยอะแยะยุ่งเหยิง ก็มักหาอีกทางเลือกนึงในการการมอบของขวัญนั้นก็คือ “ห้างสรรพสินค้า” เป็นธุระจัดการแพ็คกล่องส่งให้ถึงมือผู้รับ ซึ่งช่วงนี้บรรดาห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าทั่วไปจะเนื่องแน่นไปด้วยข้าวของสินค้าต่างๆและผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของเป็นอันมาก

สำหรับสินค้าที่นิยมซื้อให้กันนั้นมักจะเป็นของกิน เช่น บรรดาเครื่องดื่มต่างๆ กาแฟ นม น้ำผลไม้ เบียร์ หรือบางคนอาจจะให้พวกเนื้อหมู เนื้อวัว แฮม ไส้กรอก บะหมี่ ผลไม้สด ฯลฯ จะได้ให้ผู้รับสามารถทำ (おせちOsechi อาหารชุดปีใหม่แบบญี่ปุ่น) ได้ทานกันเพื่อฉลองปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง หรือของที่สามารถใช้ได้ถึงปีหน้าจะเป็นพวกของใช้ต่างๆ เช่น สบู่ ผงซักฟอก ผ้าเช็ดตัว ปากกา ฯลฯ




ส่วนสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการมอบของขวัญมักจะเป็นของที่อยู่ได้ไม่นานแล้วเสียไป เช่น ดอกไม้ เพราะสื่อความหมายว่าอยู่ได้ไม่นานก็ร่วงโรยไป... หรือของใช้มีคม เช่น มีด กรรไกร เพราะสื่อความหมายถึงการตัดความสัมพันธ์ต่อกัน

การมอบของขวัญให้กันนั้น สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีความหมายบ่งบอกในตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของที่โก้หรูหรือมีมูลค่าที่แพงมาก แต่สิ่งที่สำคัญนั้นก็คือ สิ่งของที่ให้นั้นมีคุณค่าทางจิตใจที่มอบให้แก่ผู้รับนั้นสำคัญที่สุด ยิ่งถ้าของสิ่งนั้นตั้งใจทำด้วยตัวเองกับมือแล้วล่ะก็ผู้รับจะยิ่งมีความรู้สึกดีมากขึ้น





  

Posted by mod at 15:52Comments(0)

2015年12月03日

「ミドリムシ」から飛行機の燃料をつくる工場を建てる ญี่ปุ่นผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินจากจุลินทรีย์

ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ไม่ใช่แค่ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าด้วย อย่างในวันนี้ ประเทศญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาคิดค้นเรื่องพลังงานทดแทนขึ้นมาแล้ว

โดยบริษัทในกรุงโตเกียวได้ออกมาเปิดเผยว่าจะตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินจากจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า “Midorimushi” หรือยูกลีนา(euglena) ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่น




จุลินทรีย์ยูกลีนา (euglena) จะเป็นสัตว์เซลล์เดียวขยายพันธุ์ได้โดยวิธีแบ่งเซลล์ มีลักษณะเป็นรูปกระสวย หน้าป้าน ท้ายเรียว




เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากข้าวโพดหรือถั่วเหลืองนั้นจะไม่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเนื่องจากจะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมา

แต่ว่า ถ้าผลิตเชื้อเพลิงจากสิ่งที่สามารถรับประทานได้แล้วล่ะก็ เกรงว่าจะทำให้ราคาของอาหารสูงขึ้นด้วย

แต่สำหรับจุลินทรีย์ยูกลีนาจะสามารถทำให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ แล้วน้ำมันที่จุลินทรีย์ยูกลีนาผลิตได้ในตัวของมันเองนั้นก็มีความคล้ายคลึงกับเชื้อเพลิงของเครื่องบินด้วย







ดังนั้น บริษัทนี้จึงจะผลิตเชื้อเพลิงที่ผลิตจากจุลินทรีย์ยูกลีนาและนำไปใช้ในเครื่องบินของบริษัท ออล นิปปอน แอร์เวย์ (ANA) ภายใน 5 ปีนับจากนี้ไป
  

Posted by mod at 14:24Comments(0)