› 日本が好き › 2015年12月14日
2015年12月14日
国王の姫路城8か月で222万人が見に来た ชมปราสาทฮิเมะจิ 1 ใน 3 ปราสาทสวยที่สุดในญี่ปุ่น
วันจันทร์แบบนี้ ทุกคนคงได้พักผ่อนเต็มที่กับเสาร์อาทิตย์มาแล้ว เดินหน้าทำงานกันเต็มพลังเลยนะคะ
แต่ขอแอบพาเที่ยวปราสาท 1 ใน 3 ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นกันหน่อยนะคะ
ปราสาทฮิเมะจิเป็นปราสาทญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมะสึโมะโตะ และปราสาทคุมะโมะโตะ และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า "ปราสาทนกกระสาขาว" หรือ ฮะคุระโจะ ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่าง
ในปัจจุบันปราสาทฮิเมะจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นและมรดกโลกและได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยตั้งอยู่ในเมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538
แต่เนื่องจากมีการปิดซ่อมแซมหลังคา จึงทำให้ไม่สามารถเข้าชมปราสาทได้เป็นนานถึง 5 ปี
แล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ ก็สามารถกลับมาเข้าชมได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากหลั่งไหลมาชมปราสาทฮิเมะจิอย่างเนืองแน่นทุกวัน
จากข้อมูลของเมืองฮิเมะจิได้กล่าวว่า มีคนที่มาชมปราสาทฮิเมะจิในรอบปี 2015 ถึงประมาณ 2,220,000 คนในวันที่ 9 ธ.ค.นี้
ที่ผ่านมา ปราสาทที่คนมาเที่ยวชมมากที่สุดใน 1 ปีตั้งแต่เดือนเม.ย.คือปราสาทคุมาโมโตะ ในจังหวัดคุมาโมโตะ โดยมีคนมาในรอบปี 2008 ถึง 2,219,000 คน
แต่ในปีนี้ ปราสาทฮิเมะจินั้นมีคนมาเยี่ยมชมมากกว่าปราสาทคุมาโมโตะในช่วงระยะเวลา 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ถึงวันที่ 9 ธ.ค.นี้
เมืองฮิเมะจิได้ประดับประดาม่านผืนใหญ่ที่เขียนมีคนมาเยี่ยมชมปราสาทมากถึง 2,220,000 คนที่ประตูของปราสาทในวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นายอิชิคาว่า ฮิโรกิซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานปกครองดูแลปราสาทฮิเมะจิได้กล่าวว่า “อยากจะให้มีคนเข้ามาชมปราสาทให้ได้ถึง 2,500,000 คนภายในเดือนมี.ค. ของปีหน้าให้ได้”
นอกจากความงามของปราสาทแล้ว ยังมีตำนานเล่าขานสุดสยองด้วย
นั่นก็คือ บ่อน้ำที่สิงสถิตย์ของวิญญาณโอะกิคุ
ปราสาทฮิเมะจิ ยังเป็นสถานที่ ๆ เป็นที่รู้จักกันดีในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับผีที่ขึ้นชื่อ เรื่อง "ผีนับจาน" หรือ ซะระยะชิกิ คือ เรื่องราวของโอะกิคุ สาวใช้ของซามูไรผู้หนึ่งที่ทำจานล้ำค่าของตระกูลซามูไรแตก จึงถูกลงโทษด้วยการโยนร่างลงในบ่อน้ำ โดยในเวลาค่ำคืนจะมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงโหยหวนดังมาจากบ่อน้ำเป็นเสียงนับจานช้า ๆ จนครบเก้าใบ ซึ่งบ่อน้ำนี้ยังปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามตำนานนี้ยังมีการเล่าขานในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปด้วย ทั้งยังได้รับการดัดแปลงเป็นบทละครคาบูกิอีกด้วย
เริ่มจากตำนานที่นำไปดัดแปลงเป็นละครคาบูกิก่อน เล่าว่า โอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอกนำชุดด้วยการนำชุดเรื่องจานราคาแพงจากดัตช์มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เทสซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด
บางตำนานก็เล่าว่า เป็นเทสซันเองที่โมโหจัดจนฆ่าเธอเองกับมือ แล้วโยนศพทิ้งลงบ่อน้ำ แต่เรื่องก็ไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เพราะถึงตอนกลางดึก ณ บ่อน้ำในปราสาทนั้นเอง จะปรากฏร่างสีขาวซีดของโออิคุอยู่ข้างบ่อน้ำนั้น แล้วเริ่มออกเสียงนับจานอย่างช้าๆ กระทั่งนับถึงใบที่ 9 เธอจะเริ่มร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวนจนชวนขนลุก เป็นเช่นนี้อยู่ทุกค่ำคืนจนกระทั่งอาโอยามา เทสซันเสียสติ เป็นบ้าไปในที่สุด
อีกตำนานเล่าว่า ตระกูลอาโอยาม่าวางแผนจะโค่นล้มอำนาจของเจ้าเมือง โอคิคุบังเอิญไปได้ยินแผนการเข้า เธอจึงไปเล่าให้คนรักของเธอฟัง ซึ่งคนรักของเธอเป็นทหารเจ้าเมือง แผนการของอาโอยาม่าจึงถูกเปิดโปงและล้มเหลวในที่สุด เมื่ออาโอยาม่ารู้ว่าโอคิคุเป็นคนแอบได้ยินเรื่องแผนการ เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผนล้มเหลว อาโอยาม่าจึงวางแผนจะสังหารเธอซะ โดยใส่ความโอคิคุว่า เธอขโมยจานที่ล้ำค่าไป 1 ใบซึ่งในชุดจานนั้นจะมี 10 ใบด้วยกัน โอคิคุถูกทรมานจนตาย และถูกทิ้งศพลงบ่อน้ำ
มีอีกหนึ่งตำนานเล่าว่า เป็นภรรยาของอาโอยามาเองที่ทำจานแตกไปหนึ่งใบ ด้วยกลัวความผิดจึงโยนจานที่แตกนั้นลงบ่อน้ำ แล้วกล่าวหาว่าโอคิคุเป็นผู้ขโมยไป แต่ไม่ว่าเรื่องเล่าจะเป็นเช่นไร บทสรุปของเรื่องราวล้วนจบลงด้วยความตายของนางโอคิคุทั้งสิ้น
บ่อน้ำของโอคิคุที่ปราสาทฮิเมจิ แต่ก็มีที่อ้างถึงอีกแห่ง คือบ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอาโอยาม่า
แต่ขอแอบพาเที่ยวปราสาท 1 ใน 3 ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นกันหน่อยนะคะ
ปราสาทฮิเมะจิเป็นปราสาทญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมะสึโมะโตะ และปราสาทคุมะโมะโตะ และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า "ปราสาทนกกระสาขาว" หรือ ฮะคุระโจะ ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่าง
ในปัจจุบันปราสาทฮิเมะจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นและมรดกโลกและได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยตั้งอยู่ในเมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538
แต่เนื่องจากมีการปิดซ่อมแซมหลังคา จึงทำให้ไม่สามารถเข้าชมปราสาทได้เป็นนานถึง 5 ปี
แล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ ก็สามารถกลับมาเข้าชมได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากหลั่งไหลมาชมปราสาทฮิเมะจิอย่างเนืองแน่นทุกวัน
จากข้อมูลของเมืองฮิเมะจิได้กล่าวว่า มีคนที่มาชมปราสาทฮิเมะจิในรอบปี 2015 ถึงประมาณ 2,220,000 คนในวันที่ 9 ธ.ค.นี้
ที่ผ่านมา ปราสาทที่คนมาเที่ยวชมมากที่สุดใน 1 ปีตั้งแต่เดือนเม.ย.คือปราสาทคุมาโมโตะ ในจังหวัดคุมาโมโตะ โดยมีคนมาในรอบปี 2008 ถึง 2,219,000 คน
แต่ในปีนี้ ปราสาทฮิเมะจินั้นมีคนมาเยี่ยมชมมากกว่าปราสาทคุมาโมโตะในช่วงระยะเวลา 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ถึงวันที่ 9 ธ.ค.นี้
เมืองฮิเมะจิได้ประดับประดาม่านผืนใหญ่ที่เขียนมีคนมาเยี่ยมชมปราสาทมากถึง 2,220,000 คนที่ประตูของปราสาทในวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นายอิชิคาว่า ฮิโรกิซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานปกครองดูแลปราสาทฮิเมะจิได้กล่าวว่า “อยากจะให้มีคนเข้ามาชมปราสาทให้ได้ถึง 2,500,000 คนภายในเดือนมี.ค. ของปีหน้าให้ได้”
นอกจากความงามของปราสาทแล้ว ยังมีตำนานเล่าขานสุดสยองด้วย
นั่นก็คือ บ่อน้ำที่สิงสถิตย์ของวิญญาณโอะกิคุ
ปราสาทฮิเมะจิ ยังเป็นสถานที่ ๆ เป็นที่รู้จักกันดีในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับผีที่ขึ้นชื่อ เรื่อง "ผีนับจาน" หรือ ซะระยะชิกิ คือ เรื่องราวของโอะกิคุ สาวใช้ของซามูไรผู้หนึ่งที่ทำจานล้ำค่าของตระกูลซามูไรแตก จึงถูกลงโทษด้วยการโยนร่างลงในบ่อน้ำ โดยในเวลาค่ำคืนจะมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงโหยหวนดังมาจากบ่อน้ำเป็นเสียงนับจานช้า ๆ จนครบเก้าใบ ซึ่งบ่อน้ำนี้ยังปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามตำนานนี้ยังมีการเล่าขานในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปด้วย ทั้งยังได้รับการดัดแปลงเป็นบทละครคาบูกิอีกด้วย
เริ่มจากตำนานที่นำไปดัดแปลงเป็นละครคาบูกิก่อน เล่าว่า โอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอกนำชุดด้วยการนำชุดเรื่องจานราคาแพงจากดัตช์มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เทสซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด
บางตำนานก็เล่าว่า เป็นเทสซันเองที่โมโหจัดจนฆ่าเธอเองกับมือ แล้วโยนศพทิ้งลงบ่อน้ำ แต่เรื่องก็ไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เพราะถึงตอนกลางดึก ณ บ่อน้ำในปราสาทนั้นเอง จะปรากฏร่างสีขาวซีดของโออิคุอยู่ข้างบ่อน้ำนั้น แล้วเริ่มออกเสียงนับจานอย่างช้าๆ กระทั่งนับถึงใบที่ 9 เธอจะเริ่มร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวนจนชวนขนลุก เป็นเช่นนี้อยู่ทุกค่ำคืนจนกระทั่งอาโอยามา เทสซันเสียสติ เป็นบ้าไปในที่สุด
อีกตำนานเล่าว่า ตระกูลอาโอยาม่าวางแผนจะโค่นล้มอำนาจของเจ้าเมือง โอคิคุบังเอิญไปได้ยินแผนการเข้า เธอจึงไปเล่าให้คนรักของเธอฟัง ซึ่งคนรักของเธอเป็นทหารเจ้าเมือง แผนการของอาโอยาม่าจึงถูกเปิดโปงและล้มเหลวในที่สุด เมื่ออาโอยาม่ารู้ว่าโอคิคุเป็นคนแอบได้ยินเรื่องแผนการ เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผนล้มเหลว อาโอยาม่าจึงวางแผนจะสังหารเธอซะ โดยใส่ความโอคิคุว่า เธอขโมยจานที่ล้ำค่าไป 1 ใบซึ่งในชุดจานนั้นจะมี 10 ใบด้วยกัน โอคิคุถูกทรมานจนตาย และถูกทิ้งศพลงบ่อน้ำ
มีอีกหนึ่งตำนานเล่าว่า เป็นภรรยาของอาโอยามาเองที่ทำจานแตกไปหนึ่งใบ ด้วยกลัวความผิดจึงโยนจานที่แตกนั้นลงบ่อน้ำ แล้วกล่าวหาว่าโอคิคุเป็นผู้ขโมยไป แต่ไม่ว่าเรื่องเล่าจะเป็นเช่นไร บทสรุปของเรื่องราวล้วนจบลงด้วยความตายของนางโอคิคุทั้งสิ้น
บ่อน้ำของโอคิคุที่ปราสาทฮิเมจิ แต่ก็มีที่อ้างถึงอีกแห่ง คือบ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอาโอยาม่า
Posted by mod at
16:52
│Comments(0)