インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ
ブログポータルサイト「ナムジャイ.CC」 › 日本が好き › 2015年12月01日

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

Posted by namjai at

2015年12月01日

12月1日の記事

เพื่อนๆ เคยดูการ์ตูนเรื่อง "อสูรน้อยคิทาโร่" กันมัยคะ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของผีเด็กชายตาเดียว ซึ่งประสบปัญหาในการสร้างสันติภาพระหว่างภูติผีปิศาจ ซึ่งมีต้นแบบมาจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น




เจ้าของผลงานการ์ตูนที่โด่งดังเรื่องนี้ก็คือ คุณมิซุกิ ชิเงรุ นักวาดการ์ตูนชื่อดังชาวญี่ปุ่น แล้วก็เป็นหนึ่งในนักวาดการ์ตูนผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการการ์ตูนญี่ปุ่น เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ย.นี้ ในวัย 93 ปี จากอาการอวัยวะภายในล้มเหลวหลายแห่ง หลังจากเขาเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 พ.ย. เพราะหกล้มหัวฟาดพื้นที่บ้านของเขาเอง

นายมิซุกิ เป็นนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นคนแรกๆ ที่ใช้ประสบการณ์อันเลวร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาวาดเป็นการ์ตูน นำไปสู่การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ขยายประเภทของการ์ตูนให้นอกเหนือจากการเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ส่งผลให้ฉากความรุนแรง และฉากสะเทือนอารมณ์ปรากฏในการ์ตูนมากขึ้น ขยายตลาดการ์ตูน และแอนิเมชั่นสู่กลุ่มผู้ใหญ่ รวมทั้งแข่งขันกับตลาดภาพยนตร์และนิยายเป็นครั้งแรก

คุณมิซุกิได้เริ่มอาชีพเป็นนักวาดการ์ตูนเมื่อปี 1957 ด้วยยการวาดการ์ตูนเกี่ยวกับเรื่องภูติผีและปิศาจที่ได้ยินมาเมื่อสมัยยังเป็นเด็กอยู่ แล้วการ์ตูนที่ท่านวาดก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์การ์ตูนในโทรทัศน์อย่างเช่นเรื่อง “GeGeGe no Kitarō” และ “ Akumakun” แล้วท่านก็ได้สะสมความมีชื่อเสียงมายาวนานมาก



การ์ตูนเรื่อง Akumakun



การ์ตูนเรื่อง GeGeGe no Kitaro

ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดที่ว่ามีการจัดตั้ง “Mizuki Shigeru Road” ที่นำเอารูปจำลองของภูตผีปิศาจมาวางเรียงรายในเมือง Sakaimina จังหวัด Tottori จนเกิดเป็น "พิพิธภัณฑ์ผี" ขึ้นมา แล้วเมืองนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอสูรน้อยคิทาโร่ก็เพราะผู้ให้กำเนิดการ์ตูนเรื่องนี้คือ อาจารย์มิซุคิ ชิเกรุ (เกิดปีค.ศ. 1922) อาศัยอยู่ในจังหวัดนี้ในช่วงที่เป็นเด็ก


พอเดินออกมาหน้าสถานี ก็เจอรูปปั้นที่เป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปด้วย รูปปั้นนี้ประกอบด้วยตัวการ์ตูนแทนตัวอาจารย์ชิเกรุ คิทาโร่ คุณพ่อลูกกะตาแล้วก็ตัวแสบเจ้าหนูผี น่ารักมากมาย







“ซาไกมินาโตะ” น้อยคนที่จะรู้จักของเมืองนี้ เพราะที่แห่งนี้หากจะมีคนไปเยี่ยมชมก็ต้องมีวัยตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ถึงจะรู้จักการ์ตูนเก่าแก่ที่มีชื่อว่า “คิทาโร่”

“อสูรน้อยคิทาโร่” ถือกำเนิดปี ค.ศ. 1959 จากชายชื่อ “มิซุกิ ชิเกะรุ” นักเขียนผู้ที่สูญเสียแขนซ้ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 การ์ตูนของเขาเป็นที่จดจำในฐานะผู้รวบรวมตำนานผีรอบโลกและนำมาเขียนเป็นการ์ตูน จนเป็นที่มาให้บ้านเกิดของเขาทั้งเมืองกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ผีในปี 2003

ต้องใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงกว่าโดยรถไฟจากคุระโยชิยังโยนาโกไปสู่ซาไกมินาโต ระหว่างทางไปยังเมืองผีมีป้ายภาพผีแปลกต่างๆ นาๆ ให้ได้ชมกัน และเมื่อถึงจุดหมาย ความตื่นตาที่ได้เห็นเมืองทั้งหมดกลายเป็นเมืองจำลองในการ์ตูน มีสินค้าทั้งเหล้า ของเล่น แม้ขนมรูปตัวละครคิทาโร่มากมาย


นอกจากเมืองที่เป็นมิตรแล้ว ยังมีบรรยากาศดีๆ ให้เราต้องดีๆ ให้เราต้องแวะถ่ายรูปกับรูปปั้นสวยๆ จนในที่สุดก็มาถึงสถานที่เก็บประวัติผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้ ในบ้านหลังเล็กขนาด 2 ชั้น มีเครื่องเขียนอาจารย์มิซุกิ ชิเกะรุ ที่น่าสนใจคือประสบการณ์ที่ท่านต้องพบเจอตั้งแต่ไปออกรบในปาปัวนิวกินี กลายเป็นนักโทษนานนับหลายปีจนเป็นอิสระ ซึ่งในวันนี้ก็เข้าสู่วัย 91 ปีแล้ว




รูปภาพและหุ่นในการ์ตูนมากมายถูกจัดเรียงรายอย่างสวยงาม ดูแล้วทั้งน่าสนใจควบคู่ไปกับน่าหวาดกลัว ทั้งยังมีหนังสือรวมภาพผีรอบโลกที่ถูกรวบรวมจากผู้เขียนมาทั้งชีวิต ระหว่างทางเดินเที่ยวชมเราสามารถฟังบรรยายจากเครื่องไกด์อัตโนมัติได้

เมื่อเข้าไปถึงช่วงกลางพิพิธภัณฑ์ เราก็จะได้เจอกับรูปปั้นผีในตำนานขนาดเท่าตัวจริง สำหรับคนขวัญอ่อนอาจจะลังเลเล็กน้อยที่จะเข้าไป เพราะบรรยากาศมืดทึบน่ากลัวพอสมควร โดยผีถูกจัดวางเป็นห้องส่วนตัวและเล่าประวัติผ่านจอมอนิเตอร์ถึงความน่ากลัว ห้องถัดมายังคงเขย่าขวัญไม่เลิกกับบ้านผีสิงที่รวมผีมากมายอยู่รอบด้าน ในห้องนี้จะมีผีแปลกๆ ให้เราค้นหาศึกษาเรื่องราวของผีแต่ละตน

เมื่อผ่านพ้นห้องสยองขวัญก็เข้าสู่ช่วงสุดท้าย ซึ่งเป็นสวนขนาดเล็กให้เราได้นั่งผ่อนคลายกับความรู้สึกสงบ ทั้งนี้ยังสามารถซื้อหนังสือประวัติของอาจารย์ผู้เขียนได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับผู้จะไปเยี่ยมชมผีคอยาว ผีปากฉีก และเหล่าดาราผีทั้งหลายที่โด่งดังแห่งญี่ปุ่น คุณสามารถไปซาไกมินาโตะ โดยพิพิธภัณฑ์มิซุกิ ชิเกรุจะเปิดตั้งแต่ 09.30-17.00 น. ปิดวันอังคาร ค่าเข้า 700 เยน ทั้งนี้เมืองนี้ยังมีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวด้วย


  

Posted by mod at 17:52Comments(0)

2015年12月01日

 日本料理に飾るもみじの葉を市場に出す ใบไม้เปลี่ยนสีสร้างธุรกิจ

นี่ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้วนะคะ เพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสได้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีกันมาบ้างหรือยังคะ

ใบไม้เปลี่ยนสี หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "もみじ" (紅葉)คือการที่ใบเมเปิลเปลี่ยนเป็นสีเหลีอง สีสม และสีแดงในฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง




การเปลี่ยนสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง เป็นปรากฏการณ์ผลกระทบที่เกิดกับใบไม้ของต้นไม้หรือไม้พุ่มผลัดใบที่โดยปกติแล้วมีสีเขียว เปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลืองถึงแดงโดยใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ในฤดูใบไม้ร่วง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า fall colors และ autumn colors



ใบไม้มีสีเขียวเพราะการมีอยู่ของเม็ดสีที่เรียกว่าคลอโรฟิลล์ เมื่อมีคลอโรฟิลล์จำนวนมากในเซลล์ของใบไม้ เช่น ช่วงฤดูที่พืชพันธุ์เจริญงอกงาม สีเขียวของคลอโรฟิลล์จะมีอำนาจเหนือและปกคลุมเม็ดสีอื่นๆที่อาจมีอยู่ในใบไม้ ดังนั้นใบไม้ในฤดูร้อนจึงมีสีเขียว

ใบไม้ใบนี้ เส้นใบยังคงสีเขียว ขณะที่ส่วนอื่นได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ทำให้ลวดลายของใบมีลักษณะคล้ายกับแฟร็กทัล
คลอโรฟิลล์มีหน้าที่สำคัญคือจับรังสีแสงอาทิตย์และนำพลังงานที่ได้ไปใช้สร้างอาหารสำหรับพืช สร้างน้ำตาลจากน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำตาลจะเป็นสิ่งตั้งต้นของอาหารพืช ก็คือคาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นสิ่งที่พืชต้องการเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ในกระบวนการผลิตอาหาร คลอโรฟิลล์จะทำลายตัวเองอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหมดไป ระหว่างฤดูที่พืชพันธุ์เจริญงอกงาม พืชจะสร้างคลอโรฟิลล์เพิ่มเติมทำให้มีปริมาณคลอโรฟิลล์อยู่มาก ใบไม้จึงยังคงมีสีเขียว

ในปลายฤดูร้อน กลางวันสั้นลงและอุณหภูมิลดต่ำลง เส้นใบซึ่งเป็นทางผ่านของเหลวเข้าและออกจากใบจะค่อยๆปิดทีละน้อยๆ ตามชั้นของแบบเซลล์คอร์กแคมเบียมพิเศษที่ฐานใบ การพัฒนาชั้นคอร์กแคมเบียมจะช้าลงในขั้นแรกและจะเร็วขึ้นตามลำดับ ทำให้น้ำและแร่ธาตุเข้าสู่ใบไม้น้อยลง ในช่วงนี้คลอโรฟิลล์ในใบไม้จะลดลง
มีบ่อยครั้งที่เส้นใบยังคงมีสีเขียวในขณะที่ส่วนอื่นๆ เปลี่ยนสีไปอย่างสมบูรณ์
คลอโรฟิลล์จำนวนมากในระบบแสง II (หน่วยเก็บเกี่ยวแสง II หรือ LHC II) ซึ่งเป็นเยื่อโปรตีนจำนวนมาก LHC II จะเป็นสถานที่จับยึดแสงในกระบวนการสังเคราะห์แสง




แล้วสำหรับอาหารญี่ปุ่นเอง ก็มักจะประดับตกแต่งด้วยใบไม้ไว้ที่ด้านข้างหรือด้านล่างของอาหาร เพราะเขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับฤดูกาลต่างๆ

ดังนั้น ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ทำเงินให้กับสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีเฉพาะด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เมืองคามาคาซึ ในจังหวัดโทคุชิมะยังมีชื่อเสียงมากด้วยเพราะสามารถทำเงินได้จากการขายใบไม้ประดับตกแต่งบนอาหารถึงปีละประมาณ 260 ล้านเยน ไม่ใช่น้อยเลยนะคะ



ฤดูกาลในตอนนี้ ใบไม้บนภูเขาได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีแดงกันแล้ว จึงทำให้เกิดธุรกิจการส่งใบเมเปิ้ลสีแดงสู่ตลาดกำลังยุ่งมากๆ

เนื่องจากปีนี้,วันที่มีอากาศอบอุ่นติดต่อกันยาวนาน จึงทำให้ใบเมเปิ้ลกลายเป็นสีแดงล่าช้าไปหน่อย แต่ว่า ในระยะนี้มีความหนาวเย็นเข้ามาปกคลุม จึงทำให้ใบไม้กลายเป็นสีแดงสวยงาม

ใบเมเปิ้ลจะถูกแบ่งตามขนาดความใหญ่ที่มีไซด์ใกล้เคียงกันและบรรจุใส่แพค แล้วส่งสู่ตลาด ใบไม้อย่างเช่นใบเมเปิ้ลจะใช้ตกแต่งลวดลายให้กับอาหารในช่วงปีใหม่ ดังนั้นในเมืองนี้จึงมีงานยุ่งมากตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเดือนธ.ค. แล้วก็ถือว่าเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดในรอบ 1 ปี
  

Posted by mod at 16:00Comments(0)