› 日本が好き › 2015年08月18日
2015年08月18日
โรงเรียนกวดวิชา
ถ้าพูดถึงโรงเรียนกวดวิชา คิดว่าหลายคนต้องเคยไปแน่นอน โรงเรียนกวดวิชาจะเป็นที่นิยมสำหรับทั้งนักเรียนและนักศึกษาไปเพื่อเรียนพิเศษกัน ซึ่งฉันเองก็เป็นหนึ่งในหลายๆ คนนั้นด้วย แหมเราก็อยากจะเก่งเนอะ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กนักเรียนเหล่านี้มักจะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้เก่งขึ้นนอกเหนือจากการเรียนที่โรงเรียน ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นนะคะที่นิยมไปโรงเรียนกวดวิชา แต่ญี่ปุ่นเองโรงเรียนกวดวิชาก็ได้รับความนิยมสูงมาก
เรามาดูตัวคันจิตัวนี้กัน 塾 อ่านว่า じゅく ซึ่งแปลว่าโรงเรียนกวดวิชา
ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักเรียนญี่ปุ่นจะต้องตั้งใจเรียนกันอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวสอบเข้า ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมปลายเพื่อให้ได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ และเข้าทำงานในบริษัทดีๆ แหมถูกสอนมาเหมือนๆ กันเลยนะคะ ให้ตั้งใจเรียน จะได้สอบเข้ามหาลัยดีๆ ได้ทำงานดีๆ
แล้วช่วงวันหยุดฤดูร้อนก็จะเป็นเวลาสำหรับการเรียนแบบเร่งรัด โรงเรียนกวดวิชาหรือโรงเรียนสอนพิเศษต่าง ๆ จะเปิดสอนภาคฤดูร้อน และมีนักเรียนเป็นจำนวนมากที่ไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เช้าจนค่ำ คำว่า 塾 (Jyuku)(จุกุ) หมายถึง โรงเรียนสอนพิเศษสำหรับนักเรียนชั้นเล็ก ส่วนคำว่า 予備校 (Yobiko) (โยบิโค) หมายถึงโรงเรียนกวดวิชาสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย พวกนักเรียนจะพยายามท่องจำสาระสำคัญในแต่ละวิชาและศึกษาเทคนิคการเอาชนะในการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย
แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว พวกเขาก็เรียนอย่างหนัก นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรพิเศษในช่วงหยุดพักฤดูหนาวก่อนหน้าที่จะมีการสอบจริง นักเรียนบางคนเอาผ้ารัดศีรษะเพื่อแสดงความตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะเอาชนะการสอบให้ได้
Posted by mod at
19:09
│Comments(0)
2015年08月18日
おみくじ เซียมซี
おみくじ ใบเซียมซี
ตอนไปอยู่ญี่ปุ่นมีโอกาสได้ไปเที่ยววัด นอกจากได้ชมทิวทัศน์ของวัดที่มีศิลปะงดงามแล้ว และซึมซาบกับบรรยากาศที่เงียบสงบเหมือนวัดในไทยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการเสี่ยงเซียมซี ปกติติ้วเซียมซีจะบรรจุอยู่ในกระบอกยาวทรงสี่เหลี่ยม แปดเหลี่ยม หรือวงกลม และเมื่อเขย่าก็จะมีไม้หล่นออกมาจากกระบอก แต่สมัยนี้เขาก็มีการพัฒนาให้เซียมซีดูน่ารักด้วย โดยพับเป็นโอริงามิ
หลังจากเสี่ยงเซียมซีแล้วเขาจะทำอย่างไร เห็นคนญี่ปุ่นมักเอาผูกไว้ที่วัด ก็เลยสงสัยว่าทำไมต้องผูกไว้ด้วย จึงถามเพื่อนคนญี่ปุ่น เขาก็อธิบายว่า ถ้าได้คำทำนายที่ไม่ดีก็จะอธิษฐานให้คำทำนายที่ร้ายกลายเป็นดี แล้วผูกใบเซียมซีนั้นไว้ด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด แล้วทำไมต้องเป็นมือข้างที่ไม่ถนัด นั่นก็เพราะว่าการผูกด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดแสดงให้เห็นถึงการทำสิ่งยากให้สำเร็จได้ ส่วนถ้าได้คำนายที่ดีก็จะนำกลับไป เพราะคำทายถือเป็นสาส์นที่ส่งมาจากเทพเจ้า ก็ควรน้อมรับไว้ด้วยความยินดี ฉันจับได้ใบเซียมซีที่มีความหมายโชคดีปานกลาง งั้นก็เลยขอน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจค่ะ
ส่วนเพื่อนที่เป็นคนญีปุ่นขอผูกใบเซียมซีไว้ที่วัดค่ะ
ตอนไปอยู่ญี่ปุ่นมีโอกาสได้ไปเที่ยววัด นอกจากได้ชมทิวทัศน์ของวัดที่มีศิลปะงดงามแล้ว และซึมซาบกับบรรยากาศที่เงียบสงบเหมือนวัดในไทยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการเสี่ยงเซียมซี ปกติติ้วเซียมซีจะบรรจุอยู่ในกระบอกยาวทรงสี่เหลี่ยม แปดเหลี่ยม หรือวงกลม และเมื่อเขย่าก็จะมีไม้หล่นออกมาจากกระบอก แต่สมัยนี้เขาก็มีการพัฒนาให้เซียมซีดูน่ารักด้วย โดยพับเป็นโอริงามิ
หลังจากเสี่ยงเซียมซีแล้วเขาจะทำอย่างไร เห็นคนญี่ปุ่นมักเอาผูกไว้ที่วัด ก็เลยสงสัยว่าทำไมต้องผูกไว้ด้วย จึงถามเพื่อนคนญี่ปุ่น เขาก็อธิบายว่า ถ้าได้คำทำนายที่ไม่ดีก็จะอธิษฐานให้คำทำนายที่ร้ายกลายเป็นดี แล้วผูกใบเซียมซีนั้นไว้ด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด แล้วทำไมต้องเป็นมือข้างที่ไม่ถนัด นั่นก็เพราะว่าการผูกด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดแสดงให้เห็นถึงการทำสิ่งยากให้สำเร็จได้ ส่วนถ้าได้คำนายที่ดีก็จะนำกลับไป เพราะคำทายถือเป็นสาส์นที่ส่งมาจากเทพเจ้า ก็ควรน้อมรับไว้ด้วยความยินดี ฉันจับได้ใบเซียมซีที่มีความหมายโชคดีปานกลาง งั้นก็เลยขอน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจค่ะ
ส่วนเพื่อนที่เป็นคนญีปุ่นขอผูกใบเซียมซีไว้ที่วัดค่ะ
Posted by mod at
16:46
│Comments(0)